DSI แจงแล้ว ปมโซเชียลวิจารณ์นาฬิกาบอสพอลที่ยึดมาเป็นของเก๊ ยันจะแท้หรือปลอม ก็ต้องตรวจหมด
วันที่ 23 ต.ค.67 จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจค้นทรัพย์สินของกลุ่มผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ หลังพบว่า บอสพอล ดิไอคอน นำทรัพย์สินมาซุกซ่อนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
และมีภาพการตรวจยึดนาฬิกาหรูหลายเรือน รวมทั้งสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง กระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้าแบรนด์เนม ต่อมามีเหล่านักเล่นนาฬิกาพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า นาฬิกาที่ยึดมาได้นั้นเก๊ยันกล่อง และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินการ นั้น
ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอชี้แจงว่าการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปภายใต้การสืบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการเข้าตรวจค้นดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยแสวงหาข้อเท็จจริงจากพยานบุคคลและนำไปสู่การยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนสิ่งของ ที่ตรวจยึดมานั้น มีทั้งสิ่งของที่เป็นพยานหลักฐานและทรัพย์สินตามที่ได้ข้อมูลจากพยาน ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบตามขั้นตอนแล้ว
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอยืนยันว่าในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ เมื่อได้ผลการตรวจสอบแล้วก็จะนำไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตามอำนาจการสืบสวนของดีเอสไอ สามารถขอหมายค้นและเข้าตรวจยึดอายัดไว้ก่อน เพื่อการยักย้ายทรัพย์ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่ลงพื้นที่ไม่ทราบทั้งหมดว่า ของแบรนด์เนมหรือนาฬิกาหรูนั้นเป็นของจริงหรือปลอม หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเมื่อมีการแจ้งก็ต้องตรวจยึด
เวลายึดอายัดมาแล้วดีเอสไอจะมีผู้เชี่ยวชาญสิ่งของแต่ละอย่างมาตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อแยกว่า สิ่งไหนปลอมหรือแท้ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมีการตรวจสอบ ดีเอสไอมีขั้นตอนและกระบวนการทำงาน
