ขนมขบเคี้ยวรูปไดโนเสาร์ซองสีเขียวสดใส ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก จะยังคงความนิยมและสร้างยอดขายถล่มทลายได้อย่างต่อเนื่อง! ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึง "ไดโนพาร์ค" ขนมขบเคี้ยวที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 31 ปี วันนี้ เราจะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของไดโนพาร์ค ตั้งแต่กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงผลประกอบการที่น่าทึ่ง
ไดโนพาร์ค ขนมขบเคี้ยวรูปไดโนเสาร์ ถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและครองใจผู้บริโภคชาวไทยมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น และกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบคม ส่งผลให้ไดโนพาร์คยังคงรักษาความนิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เอส. บี. ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมไดโนพาร์ค ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 โดยใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ด้วยการใช้ไดโนเสาร์เป็นสัญลักษณ์ ทั้งในส่วนของโลโก้ และรูปทรงของขนม ควบคู่กับสโลแกน "กรอบ อร่อย ไม่มีสูญพันธุ์" ที่สื่อถึงคุณภาพและรสชาติของผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ไดโนพาร์ค ประสบความสำเร็จในการสร้างการจดจำ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ เด็กและเยาวชน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญของแบรนด์
นอกจากนี้ ไดโนพาร์ค ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีรสชาติให้เลือกสรรถึง 4 รสชาติ ได้แก่ รสซีฟู้ด รสดั้งเดิม รสสวีทคอร์น และรสปาปริก้า ซึ่งตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไดโนพาร์ค ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด และสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ไดโนพาร์ค ยังคงวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ขนมขบเคี้ยวแบรนด์ไทย ก็สามารถยืนหยัดและประสบความสำเร็จ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของตลาดขนมขบเคี้ยวได้อย่างงดงาม
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในตลาดขนมขบเคี้ยวที่ดุเดือด แต่ไดโนพาร์คก็ยังคงรักษาความนิยม และสร้างกระแสได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ เข้ากับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ได้อย่างลงตัว ประกอบด้วย
จะเห็นได้ว่า ความสำเร็จของไดโนพาร์ค ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์จากการดำเนินงานที่มุ่งเน้นคุณภาพ รสชาติ บรรจุภัณฑ์ และการสร้างแบรนด์ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไดโนพาร์ค สามารถครองใจผู้บริโภค และยืนหยัดในตลาดขนมขบเคี้ยวได้อย่างยาวนาน ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ไดโนพาร์ค จึงไม่ใช่แค่ขนมขบเคี้ยว แต่เป็นแบรนด์ที่สร้างความผูกพันกับผู้บริโภค ผ่านรสชาติ บรรจุภัณฑ์ และภาพลักษณ์ ที่ชัดเจน ส่งผลให้ ไดโนพาร์ค ยังคงครองใจผู้บริโภค และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ขนมไดโนพาร์ค ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขนมขบเคี้ยวธรรมดา แต่คือเพื่อนยากในวัยเด็กของใครหลายคน ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงไดโนเสาร์สุดแสนน่ารัก และบรรจุภัณฑ์สีสันสดใส ทำให้ไดโนพาร์คสามารถสร้างการรับรู้และการจดจำในใจผู้บริโภคได้อย่างงดงาม ซึ่งความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งนี้เอง เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ไดโนพาร์คสามารถสร้างยอดขายและกวาดรายได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากรายได้ของบริษัท เอส. บี. ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมไดโนพาร์ค ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
จะเห็นได้ว่า จากผลประกอบการ ที่แข็งแกร่งของไดโนพาร์ค โดยในปี พ.ศ. 2566 บริษัทมียอดขายสูงถึง 898 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2563 ที่มีรายได้ 714 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ และความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัท ที่สามารถรักษาผลกำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน
จากการข้อมูลทั้งหมด พบว่า ไดโนพาร์ค มิได้เป็นเพียงขนมขบเคี้ยวรูปไดโนเสาร์ที่วางจำหน่ายทั่วไป หากแต่เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าอันแข็งแกร่ง และอยู่คู่สังคมไทยมากว่าสามทศวรรษ ปัจจัยแห่งความสำเร็จของไดโนพาร์ค ประกอบด้วยองค์ประกอบอันหลากหลาย ได้แก่ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ รสชาติที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค กลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ บรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และการบริหารจัดการภายในองค์กรที่เปี่ยมด้วยประสิทธิผล
ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ไดโนพาร์คสามารถสร้างการรับรู้และความทรงจำในเชิงบวกในหมู่ผู้บริโภค นำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และสามารถแปรเปลี่ยนความนิยมให้กลายเป็นยอดขายและรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทย ในการแข่งขันและครองส่วนแบ่งทางการตลาด ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง
ไดโนพาร์ค จึงเป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้าง "มูลค่าทางอารมณ์" (Emotional Value) ให้กับแบรนด์ ผ่านการมอบประสบการณ์อันพึงพอใจแก่ผู้บริโภค จนเกิดเป็นความผูกพันระหว่างแบรนด์และลูกค้าในระยะยาว
ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ และนวัตกรรม ประกอบกับการปรับตัวให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นว่าไดโนพาร์คจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยว และสืบสานตำนานความอร่อยคู่สังคมไทยต่อไปอย่างยั่งยืน
อ้างอิง credendata