TikTok เตรียมให้ผู้ใช้งานบางส่วนได้ทดลองฟีเจอร์วิดีโอความยาว 60 นาที เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่กับผู้ใช้งานหลังจากที่แพลตฟอร์มมีการเติบโตช้าลงอย่างต่อเนื่อง โดย TikTok ได้ยืนยันกับ TechCrunch แล้วว่าเป็นข่าวจริง แต่ยังไม่ได้วางแผนว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่และให้บริการในภูมิภาคใด ซึ่งจะยังไม่เปิดให้ใช้งานในวงกว้างทันที
หากฟีเจอร์นี้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่าง YouTube จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล เนื่องจากเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้งานสร้างและอัปโหลดวิดีโอที่มีความยาวได้มากถึง 60 นาที เช่น คลิปอธิบายเนื้อหาข้อมูลเชิงลึก หรือคลิป vlog การบันทึกเรื่องราวประจำวันในรูปแบบของวิดีโอ ที่นิยมบน YouTube อาจทำให้ TikTok ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับ YouTube เป็นได้
ที่ผ่านมา YouTube เอาชนะ TikTok ในแง่ของจำนวนผู้ใช้โดยรวมในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจาก Pew Research Center เผยว่า มากกว่า 80% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้ YouTube และ 33% ใช้ TikTok ในขณะที่ 62% ของผู้ที่มีอายุ 18-29 ปี ใช้ TikTok และมากถึง 93% ใช้ YouTube
แต่ TikTok ชนะ YouTube ในด้านจำนวนนาทีที่ดูคลิป โดย eMarketer คาดการณ์ว่าในปีนี้ ผู้ใช้ TikTok ที่เป็นผู้ใหญ่จะใช้งานเฉลี่ย 55 นาทีต่อวันบนแพลตฟอร์ม มากกว่าค่าเฉลี่ยของ YouTube 5 นาที
Sara Lebow นักวิเคราะห์ของ eMarketer มองว่า เนื้อหาที่สั้นของ TikTok มีความเสี่ยงที่ผู้ใช้งานออกจากแอป หลังจากพบว่าคลิปถูกตัดออกมาเพียงส่วนหนึ่ง หากต้องการรับชมตัวเต็มต้องไปที่ YouTube ทำให้การเพิ่มความยาววิดีโอใน TikTok อาจแก้ปัญหานี้ได้
นอกจากนี้ ฟีเจอร์เพิ่มความยาวของวิดีโอบน TikTok อาจคุกคามบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, Hulu และ Disney+ ด้วย เช่นปีที่ผ่านมา Peacock แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้อัปโหลดคลิปจากรายการ ‘Killing It’ บน TikTok โดยอัปโหลดเป็นห้าคลิปย่อยและมีผู้ดูนับล้านครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากสามารถอัปโหลดวิดีโอได้นานขึ้น จะทำให้สามารถรวมคลิปย่อยเป็นหนึ่งคลิปใหญ่ได้ในคราวเดียว และผู้ชมอาจเปลี่ยนจากรับชมบนสตรีมมิ่งไป TikTok แทน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok เพิ่มความยาวของวิดีโอบนแพลตฟอร์ม เพราะตั้งแต่เปิดตัว TikTok ได้เพิ่มความยาวนับไม่ถ้วน จาก 15 วินาที สู่ 60 วินาที และขณะนี้จำกัดที่ 10 นาทีสำหรับผู้ใช้ทุกคน และ 15 นาทีสำหรับผู้สร้างบางราย ซึ่ง Instagram Reels และ YouTube Shorts ของคู่แข่ง TikTok ก็เสนอความยาวการอัปโหลดที่ใกล้เคียงกันเช่นกัน
ที่มา Business Insider