ในขณะที่โลกกำลังรอคอยการเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ในวันที่ 26 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนจับตามอง คือ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ ซึ่งกำลังเปลี่ยนวิธีและมุมมองการรับชมกิจกรรมกีฬาที่โดดเด่นที่สุดในโลก
นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะทำให้ทุกคนเข้าถึงและสัมผัสทุกแง่มุมของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้ ตั้งแต่คุณภาพการออกอากาศไปจนถึงการฝึกนักกีฬา ทำให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีสกำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการนำ ‘กีฬา’ และ ‘เทคโนโลยี’ มาใช้ร่วมกันในเวทีระดับโลก
ซึ่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีสครั้งนี้ จะมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย โดยเน้นที่ AI เป็นหลัก SPOTLIGHT จึงรวบรวมไฮไลท์สำคัญบางส่วนไว้ในบทความนี้แล้ว ก่อนไปรับชมการแข่งขันในวันจริง
การใช้ซอฟต์แวร์ AI เพื่อช่วยในการตัดสินกีฬาโอลิมปิกสามารถช่วยให้มีความยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่นการกระโดดน้ำ และยิมนาสติก โดยการใช้กล้อง AI ที่จับภาพนักกีฬาได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้กรรมการสามารถรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับความสูงของการกระโดด จำนวนการหมุนในอากาศ และการวัดระยะขาของนักกีฬาอยู่ใกล้กับลำตัวของเขา ในขณะที่เขาหมุนตัวแค่ไหนได้ในทันที
ซึ่งเป้าหมายหลักของโซลูชัน AI คือ ให้ผู้ตัดสินมีความเข้าใจที่เกี่ยวกับคุณภาพของการกระโดดน้ำอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ได้คะแนนที่ยุติธรรมมากขึ้นด้วย โดยโมเดล AI สามารถช่วยระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น การหมุน ความเร็ว และมุมได้ รวมทั้งแบ่งการดำน้ำออกเป็นลำดับและวิเคราะห์ได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
โดยคณะกรรมการตัดสินที่เป็นมนุษย์ จะไม่ถูกแทนที่ด้วย AI โดยสิ้นเชิง เพราะ AI เป็น 'เครื่องมือ' ในการช่วยผู้ตัดสิน เห็นได้จากการแข่งขันยิมนาสติกที่มีความคลุมเครือในด้านศิลปะและการแสดง ซึ่งอาจส่งผลต่อคะแนนได้เช่นกัน แม้ว่า AI สามารถช่วยลดอคติและถูกมองอย่างเป็นกลางมากขึ้น แต่ผู้ตัดสินยังคงจำเป็นต้องประเมินองค์ประกอบที่ AI ไม่สามารถตีความได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งหมดนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้รับชมที่สามารถรับรู้และแชร์ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ในเรียลไทม์ และช่วยลดความสับสนหากมีการเพิ่มหรือตัดคะแนนด้วย
ระบบการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ จะเป็นการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Xeon เพื่อสตรีมการแข่งขันด้วยความคมชัดสูงถึง 8K แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมของการสตรีมสดที่มีความคมชัดสูงและมีความหน่วงต่ำผ่านทางอินเทอร์เน็ตในอนาคต
โดยเซิร์ฟเวอร์สำหรับการถ่ายทอดสดขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable ล่าสุด พร้อมกับเทคโนโลยี Intel® AI Deep Learning Boost ที่หน่วยบริการกระจายเสียงแพร่ภาพโอลิมปิก (OBS) สามารถถ่ายทอดสัญญาณสดในความละเอียด 8K ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า Ultra HD 4K ถึงสี่เท่า
นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติของ AI จะช่วยให้ผู้ออกอากาศ สามารถเผยแพร่คลิปคอนเทนต์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ไฮไลท์และช่วงเวลาสำคัญจากการแข่งขันกีฬา นักกีฬา และกิจกรรมภายในงานโอลิมปิกต่างๆ ซึ่งคลิปไฮไลท์จะเผยแพร่ให้กับแฟนๆ อย่างรวดเร็ว จากกระบวนการผลิตและแก้ไขอัตโนมัติ ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมาก
ระบบ AI จะตรวจสอบแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักทั้งหมด รองรับกว่า 35 ภาษาแบบเรียลไทม์ ภัยคุกคามที่ระบุใดๆ จะถูกตั้งค่าสถานะ เพื่อให้ข้อความที่ไม่เหมาะสมได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในหลายกรณีก่อนที่นักกีฬาจะมีโอกาสเห็นการละเมิดด้วยซ้ำ
ซึ่งระบบติดตามออนไลน์จะพร้อมใช้งานเพื่อครอบคลุมนักกีฬา 15,000 คน และเจ้าหน้าที่มากกว่า 2,000 คน ทั้งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก หรือที่เรียกกันว่า ‘แพ็คเกจระบบปกป้อง’ เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมออนไลน์และออฟไลน์ มีความปลอดภัยในระหว่างการแข่งขัน ด้วยเป้าหมายสูงสุดในการสนับสนุนและส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต และความเป็นอยู่ที่ดีของนักกีฬา เพื่อให้นักกีฬาสามารถมุ่งความสนใจไปที่การแข่งขัน
แพลตฟอร์มดังกล่าวไม่เพียงแต่จะมอบพื้นที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับผู้เข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คณะโอลิมปิกสากล (IOC) เข้าใจการละเมิดทางออนไลน์มากขึ้น และช่วยในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากค้นหาว่าตนเองมีทักษะกีฬามากน้อยแค่ไหน? หรือเหมาะกับการลงแข่งขันกีฬาชนิดใด? ภายในงานโอลิมปิกปีนี้ Intel และ Samsung ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการระบุตัวตนที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ทดสอบทักษะกีฬาของตัวเอง
โดยการทดสอบจะเกิดขึ้นที่สนามกีฬา Stade De France ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส ผ่านระบบการจับภาพการเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมทดสอบ ที่จะใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์วิชันของ Samsung ส่วน AI บนระบบคลาวด์ของ Intel จะวิเคราะห์และแนะนำกีฬาที่เหมาะกับผู้ร่วมทดสอบรายบุคคล
การนำเทคโนโลยี AI ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ และโซลูชันซอฟต์แวร์ของ Intel จะสามารถนำช่วยนักกีฬา โค้ช และผู้ชมในสนามแข่งได้ผ่านหลากหลายฟีเจอร์ ภายใต้การนำเทคโนโลยี Immersive (อิมเมอร์ซีฟ) มาใช้
สำหรับผู้ชม Intel ได้สร้างฟีเจอร์ที่มอบประสบการณ์ที่แฟนๆ จะได้เห็นว่า การเป็นนักกีฬาโอลิมปิกเป็นอย่างไร? โดยใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ว่า นักกีฬามีการฝึกซ้อมอย่างไรบ้าง? และพวกเขามีความถนัดหรืออาจเก่งในกีฬาโอลิมปิกประเภทใด? ผ่านการวิเคราะห์การฝึกซ้อมและจับคู่โปรไฟล์ของผู้เข้าร่วมแต่ละคนกับกีฬาโอลิมปิกที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งฟีเจอร์นี้ถูกเทรนด้วยตัวเร่ง AI Intel® Gaudi® ทำงานบนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® พร้อมการเร่งความเร็ว AI ในตัว และปรับให้เหมาะสมด้วย Intel OpenVINO™
ส่วนในด้านการเข้าถึง Intel ได้มีฟีเจอร์ที่ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาในการนำทางสถานที่ต่างๆ เช่น Team USA High Performance Center ในปารีส และสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการพาราลิมปิกนานาชาติในเมืองบอนน์ พวกเขาได้สร้างโมเดล 3 มิติของสถานที่เหล่านี้ และด้วยความช่วยเหลือของแอปสมาร์ทโฟน ผู้ใช้สามารถรับคำแนะนำด้วยเสียงภายในอาคารได้ ผ่านเทคโนโลยี AI ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Xeon
ที่มา Ultralytics, Olympics 1, Olympics 2, Olympics 3, DQ India, Intel Thailand