ธุรกิจการตลาด

เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าติงลดปริมาณสินค้า แต่ราคาคงเดิม

21 ต.ค. 67
เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าติงลดปริมาณสินค้า แต่ราคาคงเดิม

ในยุคข้าวยากหมากแพง ที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน เราคงได้ยินคำว่า "shrinkflation" กันบ่อยขึ้น shrinkflation คือกลยุทธ์การตลาดแบบ "ลับ ลวง พราง" ที่ผู้ประกอบการแอบลดปริมาณสินค้าลง แต่ยังคงราคาเดิมไว้ หวังรักษาผลกำไร โดยไม่สนใจว่าผู้บริโภคจะรู้สึกอย่างไร ล่าสุด เป๊ปซี่โค บริษัทอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลก ก็ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรม shrinkflation เช่นกัน จนต้องประกาศปรับกลยุทธ์ เพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์บางรายการ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคกลับคืนมา

เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าบ่นลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม

เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าบ่นลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม

เป๊ปซี่โค บริษัทอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ ประกาศเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์บางรายการ หลังจากเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมการลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม หรือที่รู้จักกันในชื่อ "shrinkflation" เมื่อปีที่ผ่านมา

ในการประชุมประกาศผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายรามอน ลากัวร์ตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์พิเศษของ tostitos อีก 20% และเพิ่มจำนวนถุงโดริโทสในแพ็คแบบหลายถุงอีก 2-3 ถุง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้บริโภค

การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเป๊ปซี่โค รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้ลดลงอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งเป็นผลให้บริษัทต้องปรับลดประมาณการรายได้ประจำปีลง เนื่องจากผู้บริโภคในอเมริกาเหนือมีแนวโน้มลดการใช้จ่ายในกลุ่มน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว และหันไปเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ของผู้ค้าปลีกที่ราคาประหยัดกว่า

"ผลกระทบสะสมจากภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังคงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง" นายลากัวร์ตากล่าว

เป๊ปซี่โคปรับกลยุทธ์รับมือภาวะเงินเฟ้อ หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด

เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าบ่นลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม

เป๊ปซี่โค บริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก ประกาศปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์บางรายการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้บริโภค และรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ หลังจากบริษัทเผชิญกับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่น่าผิดหวัง ด้วยรายได้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนนำไปสู่การปรับลดประมาณการรายได้ประจำปี

นายรามอน ลากัวร์ตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเป๊ปซี่โค ชี้แจงว่า การปรับลดประมาณการรายได้ดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ ที่ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ของผู้ค้าปลีก ซึ่งมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ เป๊ปซี่โคยังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงกลยุทธ์ "shrinkflation" หรือการลดปริมาณสินค้า แต่คงราคาเดิม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงที่ภาวะเงินเฟ้อกำลังส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ โดยในปีที่ผ่านมา เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต Carrefour ของฝรั่งเศส ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เป๊ปซี่โค ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ขนมขบเคี้ยวมากมาย รวมถึง Frito-Lay ได้ลดปริมาณสินค้าลง แต่กลับขึ้นราคาจำหน่าย เช่น กรณีของชาลิปตันรสพีช สูตรน้ำตาล 0% ที่ลดปริมาณลงจาก 1.5 ลิตร เหลือ 1.25 ลิตร แต่ราคาต่อลิตรกลับเพิ่มขึ้นถึง 40%

ทั้งนี้ การเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์ของ tostitos และโดริโทส ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเป๊ปซี่โค เพื่อรักษาฐานลูกค้า และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอาหารและเครื่องดื่ม

เป๊ปซี่โค กับบทเรียน Shrinkflation เมื่อลูกค้าไม่ใช่เหยื่อ

เป๊ปซี่โค เพิ่มปริมาณสินค้า หลังลูกค้าบ่นลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม

กรณีศึกษาของเป๊ปซี่โคที่ประกาศเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์ หลังจากเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรม "shrinkflation" หรือการลดปริมาณสินค้าแต่คงราคาเดิม นับเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่ออัตราผลกำไรของผู้ประกอบการ ขณะเดียวกัน กำลังซื้อของผู้บริโภคก็ถูกบั่นทอนลง ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ และการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริโภค

แม้การลดปริมาณสินค้า จะเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยรักษาผลกำไรในระยะสั้น แต่ในระยะยาว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ดังจะเห็นได้จากกรณีของเป๊ปซี่โค ที่ถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค

การตัดสินใจเพิ่มปริมาณชิปส์ในบรรจุภัณฑ์ของเป๊ปซี่โค จึงถือเป็นการปรับกลยุทธ์เชิงรุก ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภค เพื่อรักษาฐานลูกค้า และธำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของแบรนด์ ในสภาวการณ์ที่มีการแข่งขันสูง

อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของกลยุทธ์ดังกล่าว ยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น ทิศทางเศรษฐกิจมหภาค พฤติกรรมผู้บริโภค และยุทธศาสตร์ของคู่แข่งขัน ซึ่งเป๊ปซี่โคจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน เพื่อกำหนดทิศทางและปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง

กรณีศึกษานี้ ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้บริโภค ที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดมาตรฐานและธรรมาภิบาลทางการตลาด การแสดงความคิดเห็นและการเรียกร้องสิทธิของผู้บริโภค เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาตลาดสินค้าและบริการ ให้มีคุณภาพ เป็นธรรม และยั่งยืน

ที่มา fox11

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT