ราคาของ Bitcoin ร่วงลงหนักในรอบสองเดือนที่ระดับ 57,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed คงดอกเบี้ยตามคาด ที่ระดับ 5.25-5.50% สูงสุดในรอบกว่า 23 ปี ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6
นับตั้งแต่การ Halving ในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักลงทุน Bitcoin คาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin จะฟื้นตัว และทำสถิติสูงขึ้นภายในปลายปีนี้ แต่มูลค่ากลับร่วงลงต่อเนื่อง และอาจลดลงต่อไปในกี่สัปดาห์หลังจากนี้ เนื่องจากแรงกดดันทางมหภาพและภูมิรัฐศาสตร์
Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered มองว่า ฉากหลังด้านเศรษฐกิจมหภาคมาโคร ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตได้ลดลง จากปกติที่ค่อนข้างเติบโตได้ดีจากตลาดที่มีสภาพคล่องสูง โดยสภาพคล่องของตลาดสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
Zach Pandl หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Grayscale Investments เผยว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่สูงขึ้น มีแนวโน้มที่สนับสนุนเงินดอลลาร์และมีน้ำหนักต่อ Bitcoin ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งแถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้ตัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออก โดยความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จะสนับสนุนราคาของ Bitcoin และตลาดคริปโตในวงกว้างมากขึ้น
ส่วนราคาของ Bitcoin ช่วง 10.27 น. ตามเวลาประเทศไทย แตะ 57,509.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาการซื้อขายจาก Coindesk
ที่มา CNBC