สินทรัพย์ดิจิทัล

เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ฟุบ หรือ ฟื้น ? กับอนาคตคริปโทเคอร์เรนซี่

29 มิ.ย. 67
เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ฟุบ หรือ ฟื้น ?  กับอนาคตคริปโทเคอร์เรนซี่

 

สำหรับ Bitcoin ในครึ่งปีแรกของปี 2024 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ Bitcoin สามารถทำผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่องจากปี 2023 ที่ดีมาเกือบตลอดทั้งปีจนสามารถทำ All Time High ใหม่ได้ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีครึ่งในการฟื้นตัวกลับมานับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2021

การปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในปี 2023 ส่วนใหญ่มาจากเรื่องของ Spot Bitcoin ETF ที่ BlackRock ได้ขอยื่นเปิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ซึ่งในช่วงแรกยังมีความไม่แน่นอนสูง ราคายัง Sideway อยู่หลายเดือนจนเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นความชัดเจนและราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้น Q4/2023 ซึ่งในฝั่งของ Altcoin เองก็ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน

และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาดหลังจาก Spot Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2024 และสามารถซื้อขายได้ทันทีได้ในวันถัดไป โดยหลังจากนั้นก็มีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนทำให้สามารถคง Momentum เชิงบวกไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Bitcoin Halving ที่เป็นปัจจัยเชิงบวกส่งเสริมกันอีก ทำให้ราคา Bitcoin สามารถขึ้นไปทำ All Time High ใหม่ได้ในวันที่ 14 มีนาคม 2024 ที่ราคา $73,777 ทำให้ Performance ของ Bitcoin ใน Q1/2024 นั้นค่อนข้างดีมาก

แต่ใน Q2/2024 ก็เริ่มมีการปรับฐานเนื่องจากปัจจัยบวกเริ่มหมดอีกทั้งยังมีเรื่องของสงครามและความไม่แน่นอนเรื่องของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สำคัญกับตลาดคริปโทฯ ค่อนข้างมากที่ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเรื่องการอนุมัติ Spot Ethereum ETF ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 ก็ไม่สามารถทำให้ Momentum ของตลาดกลับมาเป็นเชิงบวกได้มากเท่าที่ควร

 ทิศทางคริปโทเคอร์เรนซี่ 2024

ส่วนในฝั่งของ Altcoin ที่หลังจากมีการฟื้นตัวในช่วง Q4/2023 ในปี 2024 ก็มีการเติบโตต่อเนื่องใน Q1/2024 ด้วยเช่นกันแต่จะมีแค่เพียงไม่กี่ Sector ที่สามารถ Outperform ตลาดได้ ซึ่งกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้ดีมากในช่วง Q1/2024 ก็จะเป็นกลุ่ม Memecoins, Real World Asset (RWA) และ Artificial Intelligence (AI) โดย Memecoins สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยใน Q1 ได้ถึง 1,313%

 ทิศทางคริปโทเคอร์เรนซี่ 2024

 

 

หากจะให้สรุปภาพรวมในครึ่งปีแรกของปี 2024 นั้น ทางเรามองว่าภาพรวมในช่วง Q1/2024 นั้นค่อนข้างสดใสสำหรับตลาดคริปโทฯ แต่ใน Q2/2024 เริ่มอ่อนแรงลงและปัจจัยส่งเสริมเริ่มหมด นอกจากนี้ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯก็ยังสร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดด้วยซึ่งจะถูกพูดถึงในลำดับถัดไป

และยิ่งถ้าถอยออกมามองภาพใหญ่ ตลาดคริปโทฯ โดยรวมก็ฟื้นตัวกลับมามากพอสมควรแล้วการปรับฐานตรงนี้เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืนก็เป็นอะไรที่ดูสมเหตุสมผล เนื่องจากถ้าพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงปัจจุบัน Bitcoin, Ethereum และ Altcoin Market Cap ก็มีการเติบโตมามากถึง 303%, 200% และ 117% ตามลำดับ ดังที่แสดงตามตารางด้านบน

ภาพรวม Macroeconomics ในครึ่งปีหลัง 2024

อย่างที่ทราบกันดีว่าเศรษฐศาสตร์มหาภาค (Macroeconomics) นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลกับตลาดคริปโทฯ ได้ค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2024 ก็มีการประชุม Federal Open Market Committee (FOMC) และมีการออก Fed Dot Plot Diagram ที่แสดงถึงมุมมองของคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐว่าจะมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างไร โดยจาก Diagram ดังกล่าว ทางเรามีมุมมองดังนี้

ทิศทางคริปโทเคอร์เรนซี่ 2024

2024 Projections:

สำหรับปี 2024 แผนภาพจุด (dot plot diagram) แสดงให้เห็นว่าการคาดการณ์ของสมาชิก FOMC สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางอยู่ในช่วงประมาณ 4.9% ถึง 5.6% มีการกระจายตัวของการคาดการณ์อย่างชัดเจนอยู่ที่ประมาณ 5.1% ถึง 5.4% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในหมู่สมาชิกว่าควรจะอยู่ในช่วงนี้ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าสมาชิกหลายคนเชื่อว่าอัตรานี้ควรจะยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเพื่อจัดการกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อต่อไป

สรุปภาพรวม Macroeconomics ในครึ่งปีหลัง 2024

จากสัญญาณบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดเห็นว่า CPI เริ่มชะลอตัว และ Dot Plot Diagram ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่มองว่าปีนี้น่าจะมีการลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง และประเทศอื่นๆ เช่น ยุโรป แคนาดา เริ่มลดดอกเบี้ยแล้ว อาจหมายถึงว่าถึงเวลาที่สหรัฐฯอาจจะต้องเริ่มลดบ้าง

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรื่องของเงินเฟ้อและจาก Dot Plot Diagram จะดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ Jerome Powell (ประธานธนาคารกลางสหรัฐ) ดูมีท่าทีแข็งกร้าว (Hawkish) อยู่พอสมควร โดยยังบอกว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่น่าเป็นที่พอใจ และ Dot Plot Diagram อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่กับความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมากทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลและมีบางส่วนที่เทขายเพื่อลดความเสี่ยง สวนทางกับฝั่งตลาดหุ้นที่ยังเป็นบวกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวหลักอย่าง Nvidia, Microsoft, Apple

มุมมองตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ครึ่งปีหลัง 2024

จากปัจจัยส่งเสริมในตลาดคริปโทฯ ที่ผ่านไปหมดแล้ว รวมถึงความไม่แน่นอนต่างๆในนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและสงคราม ทางเราจึงมองว่าในครึ่งปีหลังอาจเป็นช่วงเวลาของการปรับฐานและรอความชัดเจนจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มากกว่านี้ ส่วนปัจจัยบวกที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นมีดังนี้

  • Spot Ethereum ETF
  • Bitcoin และคริปโทฯ ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครประธานาธิปดีสหรัฐฯ โดยผู้สมัครมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคริปโทฯ เพื่อคะแนนเสียงในช่วงการเลือกตั้ง
  • ความชัดเจนด้านการกำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้นจาก Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act (FIT21) ที่เป็นกฎหมายที่ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อสร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี่  และพึ่งได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ทางเรามองว่าในตอนนี้หากไม่มีปัจจัยอะไรร้ายแรง Bitcoin มีแนวโน้มจะอยู่ในลักษณะ Sideway ในกรอบใหญ่ๆ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ $60,000 จนกว่าจะเริ่มมีการลดดอกเบี้ย แต่ถ้าหากมีปัจจัยร้ายแรง เช่น สงครามที่รุนแรงและบานปลายมากขึ้น นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯมีความรุนแรงมากขึ้น ไม่มีการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็อาจจะทำให้ราคาลงต่ำกว่า $60,000 ได้ โดยถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่แถวๆ $52,000 และ $44,000 ตามลำดับ

ส่วนมุมมองการลงทุนทางเรามองว่าควรลด Position ของ Altcoin ตัวเล็กๆที่ไม่มี Narrative สนับสนุนเนื่องจากสภาพคล่องในตลาดยังน้อย ซึ่งเมื่อ Bitcoin มีการปรับฐาน Altcoin มักจะร่วงแรงแต่เมื่อ Bitcoin เริ่มฟื้น Altcoin กลับไม่ฟื้นตาม ดังนั้นควรถือ Stablecoin ไว้จำนวนหนึ่งเผื่อในกรณีที่ตลาดเกิดการเทขายอย่างหนักจะได้มีสภาพคล่องไว้ช้อนซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามอาจมีบาง Sector สามารถทำผลตอบแทนขึ้นมานำตลาดได้เช่นเดียวกันซึ่งทางเรามองว่าอาจเป็น Ethereum และเหรียญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum

ทิศทางคริปโทเคอร์เรนซี่ 2024

เนื่องจากนักวิเคราะห์จาก Bloomberg ได้คาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติและเปิดซื้อขายได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเนื่องจากทาง SEC ได้ส่งฟอร์ม S-1 ให้มาแก้ไขพร้อมทั้งขอให้ส่งกลับภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี โดยหากเปิดซื้อขายแล้วต้องจับตา Inflow ให้ดีๆ เนื่องจากในปัจจุบัน Ethereum มี Market Cap ที่น้อยกว่า Bitcoin ประมาณ 3 เท่า ซึ่งถ้ามีแรงซื้อในระดับเดียวกับ Spot Bitcoin ETF ก็จะสามารถส่งผลกระทบกับราคาได้มากกว่า

นอกจากนี้เหรียญต่างๆภายใน Ethereum Ecosystem ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากการอนุมัติในครั้งนี้ด้วย โดยตัวอย่าง Sector ที่น่าจับตามอง ได้แก่

  • เหรียญกลุ่ม Liquid Staking/Restaking (LSD/LRT) เช่น LIDO (LDO), Etherfi (ETHFI), Renzo (REZ)
  • เหรียญกลุ่ม Scaling Solution ของ Ethereum (Layer 2) เช่น Arbitrum (ARB), Optimism (OP)
  • เหรียญกลุ่ม Real World Asset (RWA) ที่อยู่บน Ethereum เช่น Ondo Finance (ONDO)

และเมื่อมีการคาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติแล้ว สิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นการเปิดโอกาสอีกกว้างมากให้กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ โดยเฉพาะกลุ่ม Layer 1 อื่นๆอีกหลายๆเหรียญเริ่มถูกพูดถึงว่าอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกเสนอเข้าเป็น Spot ETF เช่น Solana (SOL) ที่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 มีการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก และกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับ Ethereum หรือแม้แต่เหรียญ Proof of Work ตั้งแต่ยุคแรกอย่าง Litecoin (LTC) หรือ Bitcoin Cash (BCH) ซึ่งถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังเป็นข้อถกเถียงกันในเรื่องของความเหมาะสมในการเสนอเป็น Spot ETF แต่ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้กลุ่มเหรียญเหล่านี้ถูกพูดถึงและเป็นที่น่าจับตามองได้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT