ภาคเกษตรและอาหารของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน ภาคเกษตรเองก็เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ ทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง ท่ามกลางวิกฤตนี้ "การเงินสีเขียว" (Green Finance) จึงเป็นความหวังในการขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่ความยั่งยืน ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด พลังงานหมุนเวียน และการสนับสนุนเกษตรกร บทความนี้จะพาสำรวจ Green Finance ในภาคเกษตรทั้งไทยและระดับโลก เจาะลึกโอกาส ความท้าทาย พร้อมแนวทางปลดล็อกศักยภาพเกษตรไทย รับมือวิกฤต และสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน
ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในภาคเกษตรไทย เช่น การขาดแคลนเทคโนโลยี การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำกัด และรายได้ที่ไม่แน่นอน ยิ่งทำให้เกษตรกรมีความเปราะบางมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศ พวกเขาแทบไม่มีทางรับมือหรือปรับตัว แต่ในความมืดมิดยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นั่นคือ "การเงินสีเขียวเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน" หรือ Green Finance ซึ่งเป็นแนวคิดการลงทุนที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม Green Finance ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนหรือเทคโนโลยีสะอาด แต่ยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนเกษตรกรให้เข้าถึงเทคโนโลยีและวิธีการทำเกษตรที่ยั่งยืน
ตัวอย่างเช่น Green Finance สามารถช่วยให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปลงทุนในระบบน้ำหยด ซึ่งช่วยประหยัดน้ำและลดการใช้พลังงาน หรืออาจเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิต และสร้างรายได้เสริมจากการขายไฟฟ้าส่วนเกิน
การเงินสีเขียว (Green Finance) หมายถึงการจัดสรรและระดมเงินทุนเพื่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นผ่านกลไกทางการเงินต่างๆ อาทิ การจัดหาเงินทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ภาคส่วนต่างๆ การสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ รวมถึงการจัดหาเงินทุนสำหรับเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
Green Finance ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Sustainable Finance หรือการเงินเพื่อความยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) โดย Green Finance จะมุ่งเน้นเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
Green Finance แบ่งออกเป็นหมวดย่อยต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ ได้แก่
Green Finance มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและสังคมที่ยั่งยืน โดยเป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการและกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าการเงินสีเขียว (Green Finance) จะได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน แต่การเติบโตในภาคเกษตรยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด เมื่อเปรียบเทียบกับภาคส่วนอื่นๆ ข้อมูลจากปี 2562/2563 ระบุว่า Climate Finance ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Green Finance ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีมูลค่าเพียง 28.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในภาคเกษตรและอาหารทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 4.3% ของมูลค่า Climate Finance ทั้งหมด นอกจากนี้ Climate Finance สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในภาคเกษตรมีสัดส่วนเพียง 0.8% เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาเม็ดเงินลงทุน Climate Finance ต่อปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร จะพบว่ามีเพียง 3.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 17.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าความต้องการ Climate Finance ในภาคเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2562-2573 โดยคาดว่าจะสูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ถึง 7-44 เท่า แม้ว่าในปี 2564 ความต้องการ Climate Finance จะลดลงเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 แต่คาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว
จากข้อมูลข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าการเงินสีเขียวในภาคเกษตรยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริมการลงทุนในภาคส่วนนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากภาคเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับในภาคเกษตรและอาหารของไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีสัดส่วนเพียง 0.3% ของมูลค่า Green Finance ทั้งหมดในประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ภาคเกษตรและอาหารได้รับการสนับสนุนด้าน Green Finance เพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสและความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผลักดัน Green Finance ในภาคส่วนนี้ให้เติบโต เนื่องจากภาคเกษตรไทยมีความเปราะบางต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk) โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของภาคเกษตร ซึ่งมักประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ
ข่าวดีคือ ปัจจุบันทั้งสถาบันการเงินในและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ เริ่มตื่นตัวและให้ความสำคัญกับ Green Finance ในภาคเกษตรและอาหารมากขึ้น เช่น โครงการ CRAFT ของ Rabo Bank ที่มุ่งสนับสนุนเกษตรกรให้เข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน หรือแนวทางการเงินที่ยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ส่งเสริมการลงทุนสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ
ตัวอย่างโครงการ Green Finance ในไทยที่น่าสนใจ เช่น การออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ และโครงการสินเชื่อเพื่อลด PM 2.5 ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของธนาคารกรุงไทย ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของ Green Finance ในภาคเกษตรและอาหารของไทย
ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน Green Finance จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารของไทยไปสู่ความยั่งยืน ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศในระยะยาว
แม้ว่า Green Finance จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารไปสู่ความยั่งยืน แต่การดำเนินการยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายหลายประการ ดังนี้
โดย The Initiative for Smallholder Finance ชี้ว่า ความต้องการทาง การเงินของเกษตรกรรายย่อยในละตินอเมริกา แอฟริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าเฉลี่ยปีละประมาณ 210 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
การผลักดัน Green Finance ในภาคเกษตรและอาหารให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบจากทุกภาคส่วน โดยมีแนวทางและข้อเสนอแนะสำคัญดังนี้
Government (ภาครัฐ) ภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลมีบทบาทสำคัญในการผลักดัน Green Finance ผ่านการกำหนดนโยบายและมาตรการที่เอื้อต่อการลงทุนสีเขียว เช่น
Reward (แรงจูงใจ) การสร้างแรงจูงใจทั้งทางตรงและทางอ้อม จะช่วยกระตุ้นให้ภาคส่วนต่างๆ หันมาลงทุนใน Green Finance มากขึ้น เช่น
Educate (การศึกษา) การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Green Finance แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น
Engage (การมีส่วนร่วม) การส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน Green Finance จะช่วยสร้างความเป็นเจ้าของและความยั่งยืนให้กับโครงการต่างๆ เช่น
ด้วยการดำเนินงานตามแนวทางและข้อเสนอแนะข้างต้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง Green Finance จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารของไทยไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง