บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาไปสำรวจภาพรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งเจาะลึกมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่า ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อโลกในยุคปัจจุบัน
ตลาดรถใหม่ไทยยังคึกคัก สถิติรถใหม่จดทะเบียน 7 เดือนแรกปี 67 ทะลุ 1.6 ล้านคัน
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้นำเสนอตัวเลขที่สะท้อนถึงความคึกคักของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย โดยระบุว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2567 มีรถใหม่จดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1,623,778 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจอยู่บ้างก็ตาม
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด จะเห็นได้ว่ามีเดือนที่มีการจดทะเบียนรถใหม่สูงเป็นพิเศษ เช่น เดือนมกราคมที่มีจำนวนถึง 259,299 คัน และเดือนพฤษภาคมที่มีจำนวน 249,757 คัน ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย หรือความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
โดยสถิติการจดทะเบียนฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวนดังนี้
หนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้าแก้ปัญหามลพิษ
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศ ที่มีสาเหตุ มาจากรถยนต์รวมถึงยานพาหนะที่ใช้กันบนท้องถนนนั้น ปล่อยก๊าซจากเครื่องยนต์สันดาป ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้าหรือ รถ EV (Electric Vehicle) ถือว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การทำงานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันช่วยลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งการหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน นายเสกสมยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดมลพิษที่สำคัญ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากท่อไอเสียส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพโดยรวมของประชาชน
ดังนั้น กรมการขนส่งทางบกจึงส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศโดยตรง แต่ยังช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งมีราคาผันผวนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ายังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและความน่าสนใจเพิ่มขึ้นในอนาคต
เปิดตัวเลขยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า 7 เดือน จำนวน 59,670 คัน
โดยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 59,670 คัน
การจดทะเบียนฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวน ดังนี้
ภาครัฐสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ตัวเลขสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ 59,670 คัน แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มให้ความสนใจและตอบรับกับทางเลือกนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จไฟฟ้า การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการเงิน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า
มาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการ ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายและมาตรการอื่นๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา เช่น การให้เงินอุดหนุน การส่งเสริมการผลิตและการวิจัยพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและนำไปสู่การลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืนในระยะยาว
มาตรการลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า: สิทธิประโยชน์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้เน้นย้ำถึงมาตรการสำคัญในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นั่นคือ การลดภาษีประจำปีสูงสุดถึง 80% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่จดทะเบียนภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
มาตรการนี้เป็นการสนับสนุนที่จับต้องได้สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีตัวอย่างการลดภาษีที่ชัดเจน เช่น
การลดภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่รถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่สำคัญให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างสังคมที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากประโยชน์ทางด้านภาษีแล้ว การใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งในแง่ของการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การลดมลพิษทางอากาศ และการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มาตรการลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคของพลังงานสะอาด และเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน