ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังจากผู้นำสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อระงับการใช้น้ำมันถึง 90% ของน้ำมันดิบรัสเซียภายในสิ้นปีนี้
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 3.53% เป็น 119.12 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.87% เป็น 123.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ระหว่างทางราคาน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 119.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ตามข้อมูลของ Refinitiv
การบรรลุแก้ไขข้อตกลงเพื่อห้ามยุโรปใช้น้ำมันจากรัสเซียนั้น เกิดขึ้นหลังจากฮังการียอมการดำเนินในเบื้องต้นแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ฮังการียังไม่เห็นด้วยกับสหภาพยุโรปที่จะไม่ใช้น้ำมันจากรัสเซีย ฮังการีถือเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย และ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี ยังมีความสนิทสนมกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ของประธานาธิบดีรัสเซียอีกด้วย
Charles Michel ประธานสภายุโรป บอกว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะกระทบต่อการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียถึง 75% ทันที การคว่ำบาตรครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียแพคเกจที่ 6 ของสหภาพยุโรป นับตั้งแต่มันบุกยูเครน โดยการเจรจาเพื่อบังคับใช้การคว่ำบาตรน้ำมันได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือน
“คณะมนตรียุโรปตกลงว่ามาตรการคว่ำบาตรแพคเกจที่ 6 ต่อรัสเซีย ครอบคลุมการไม่นำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ส่งจากรัสเซียไปยังประเทศสมาชิก ยกเว้นชั่วคราวสำหรับน้ำมันดิบที่ส่งทางท่อ” คณะกรรมาธิการยุโรปแถลงวันที่ 31 พฤษภาคม
คณะมนตรียุโรป บอกด้วยว่า กรณีดังกล่าวอาจทำให้ปริมาณน้ำมันจะหยุดชะงักอย่างกะทันหัน แต่จะมีการนำ "มาตรการฉุกเฉิน" เพื่อรองรับความมั่นคงของปริมาณน้ำมันในกลุ่มสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ข้อยกเว้นสำหรับน้ำมันดิบทางท่อ ก็เพื่อให้ฮังการีพร้อมกับสโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก เพราะทั้งหมดเชื่อมต่อท่อส่งทางตอนใต้ ซึ่งยากแก่การเข้าถึง และยังไม่สามารถหาน้ำมันดิบมาแทนที่รัสเซียได้ง่ายๆ
สหภาพยุโรปนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ประมาณ 36% การแบนน้ำมันจากรัสเซียยิ่งทำให้ความกังวลมากขึ้น และตลาดพลังงานที่ตึงตัวอยู่แล้วราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงในหลายประเทศ
ที่มา
https://www.cnbc.com/2022/05/31/oil-prices-eu-russian-crude.html