ในวันนี้ (20 มิ.ย.) ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี LPR (Loan Prime Rate) ประเภท 1 ปี ลงจาก 3.65% เป็น 3.55% และ ประเภท 5 ปีลงจาก 4.3% เป็น 4.2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นจากการระบาดของโควิด
การประกาศลดดอกเบี้ยนี้เป็นการใช้นโยบายทางการเงินที่ ‘สวนทาง’ กับประเทศอื่น เพราะในขณะที่แบงก์ชาติของประเทศอื่นๆ กำลังเร่งเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ประเทศจีนยังคงต้องเร่งลดอัตราดอกเบี้ยต่อเพราะเจอปัญหาเศรษฐกิจซบเซา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ผู้บริโภคยังคงรัดเข็มขัดตัวเองไม่ออกมาใช้จ่าย บริษัทไม่กล้าลงทุน ในขณะที่อัตราว่างงานของคนอายุน้อยระหว่าง 16-24 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 20.8% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยในวันที่ 13 มิ.ย. และ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้มีการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นและกลางไปสองตัวแล้วคือ
โดยนอกจากดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ก่อนหน้านี้ธนาคารใหญ่ในจีนอีก 6 แห่ง ยังได้ปรับลด ‘ดอกเบี้ยสำหรับเงินฝาก’ เพื่อกระตุ้นให้คนนำเงินฝากออกมาลงทุนมากกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ในธนาคาร
นี่ทำให้ถือได้ว่าธนาคารกลาง ‘จีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครบแล้วทั้งสำหรับเงินฝาก และเงินกู้ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว’ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการบริโภคมากขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี เป็นดัชนีอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชนทั่วไปในจีน ในขณะที่อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน รวมไปถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
นี่จึงทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากยิ่งขึ้นทั้งในภาคธุรกิจเอกชนทั่วไป และ ‘ภาคอสังหาริมทรัพย์’ ภาคส่วนธุรกิจสำคัญของจีนที่ซบเซาลงอย่างมากในระยะ 2-3 ที่ผ่านมาจากปัญหาหนี้และการขาดสภาพคล่อง ที่เกิดจากการที่ผู้บริโภคไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ตัดสินใจซื้อบ้านลดลง และทำให้ผู้ผลิตภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่เงินไปสร้างบ้านและชำระหนี้ และนโยบายของรัฐบาลจีนที่กีดกันไม่ให้บริษัทเหล่านี้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนใช้ที่อยู่อาศัยไปเก็งกำไร
โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เริ่มออกมาตรการเพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อที่อยู่อาศัย และช่วยพยุงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอ่อนแอบ้างแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการเสนอลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก การปรับลดค่าคอมมิชชั่นลง หรือการให้เงินสนับสนุนถึง 2 แสนล้านหยวนเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จในการจูงใจให้คนกลับมาซื้อบ้านที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น
อ้างอิง: The Economic Times, Reuters