ราคาบิตคอยน์นั้น ครั้งหนึ่งเคยพุ่งขึ้นไปทะลุ 68,000 ดอลลาร์ในปี 2021 ก่อนปรับตัวลงต่อเนื่อง หลุด 16,000 ดอลลาร์ ในราว 1 ปีถัดมา ตามเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์เก็งกำไร และโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับหลายบริษัทใหญ่ในโลกคริปโท นำไปสู่การเช็คบิลเหรียญที่ไม่มีมูลค่าพื้นฐาน (ที่ในวงการเรียกว่า 'Shit Coin') หายไปจากกระดานเทรดเป็นจำนวนมาก และหันมาถือเหรียญใหญ่อย่าง บิตคอยน์
แม้ตลาดคริปโทฯ เผชิญกับความปั่นป่วน และมรสุมหลายลูกด้วยกัน ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วกว่า 65% ทำผลงานได้ดีกว่ากระดานหุ้น S&P500 ของสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 7% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง 1 ใน 4 ของราคาบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ความปั่นป่วนในแวดวงธนาคารของสหรัฐ การลดความร้อนแรงในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารทั่วโลก และการหันเข้าหาสินทรัพย์ที่ช่วยรับมือกับความเสี่ยง เป็นตัวอย่างปัจจัยที่สร้างแรงหนุนให้ราคาของบิตคอยน์ฟื้นตัวขึ้น ระหว่างเส้นทางการเดินทางสู่ 'บิตคอยน์ฮาล์ฟวิ่ง' ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 นี้
ข้อมูลจาก CoinMarketCap เผยว่า ปัจจุบันมีจำนวนเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีบนกระดานราว 24,378 สกุล มีมาร์เก็ตแคปทั้งหมดอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ มีการประมาณว่า เหรียญคริปโท 20 สกุลแรก ครองมาร์เก็ตแชร์ราว 90% ของตลาดทั้งหมด
Callie Cox นักวิเคราะห์ของ eToro เผยกับ abc News ว่าความโกลาหลของตลาดในปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหันหาเหรียญตัวท็อปที่เป็นที่รู้จัก ส่งผลเชิงบวกให้กับเหรียญสกุลใหญ่อย่าง Bitcoin
สอดคล้องกับมุมมองของ James Butterfill จาก Coinshares ซึ่งเผยว่า ในบรรดาเหรียญคริปโททั้งหมดกว่า 50,000 สกุล ส่วนใหญ่เป็นเหรียญขยะ โดยเหรียญที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่าง Ethereum นั้น ราคาดีดขึ้น 52% แล้วในปีนี้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารทำให้นักลงทุนบางรายหันไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เหตุการณ์ที่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ 3 แห่งในจำนวน 30 แห่งได้ยุติการดำเนินงาน ตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงความไร้เสถียรภาพทางการเงิน
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน หรือถดถอยนั้น Bitcoin มักจะปรับตัวได้ดี เนื่องจากนักลงทุนจะหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดนี้ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเป็นอีกทางเลือกในการลงทุน
Imagine selling your precious Bitcoin one year before the fourth Bitcoin halving... #hodl pic.twitter.com/gK2GcFiJ1F
— Bit Harington (@bitharington) May 9, 2023
Bitcoin Halving กำลังจะเกิดขึ้นราววันที่ 22 เมษายน 2024 นับเป็นการฮาล์ฟวิ่งครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ซึ่งการฮาล์ฟวิ่งนี้เองเป็นกลไกที่ชะลอปริมาณ Bitcoin ที่หลั่งไหลเข้าสู่ระบบผ่านการขุด ควบคุมดีมานด์ - ซัพพลายของระบบ ซึ่งมีการจำกัดปริมาณเหรียญสุทธิไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ
CryptoSlate รวบรวมสถิติเกี่ยวกับการฮาล์ฟวิ่งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้เราพอเห็นถึงแนวโน้มราคาของ Bitcoin หลังการฮาล์ฟวิ่งครั้งนี้
ราคา 1 ปีก่อนฮาล์ฟวิ่ง : ราว 2 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ วันที่เกิดการ Halving : 12.35 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ เดือนมกราคม 2014 อยู่ที่ราว 1,000 ดอลลาร์/BTC เพิ่มขึ้นจากช่วงฮาล์ฟวิ่ง 7,997%
ราคา 1 ปีก่อนฮาล์ฟวิ่ง : ราว 270 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ วันที่เกิดการ Halving : 650 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ เดือนธันวาคม 2017 อยู่ที่ราว 19,800 ดอลลาร์/BTC เพิ่มขึ้นจากช่วงฮาล์ฟวิ่ง 2,946%
ราคา 1 ปีก่อนฮาล์ฟวิ่ง : ราว 8,500 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ วันที่เกิดการ Halving : 9,756 ดอลลาร์/BTC
ราคา ณ เดือนพฤศจิกายน 2022 อยู่ที่ราว 69,000 ดอลลาร์/BTC เพิ่มขึ้นจากช่วงฮาล์ฟวิ่ง 607%
จากการฮาล์ฟวิ่งทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ราคาของ Bitcoin จะขยับสูงขึ้นเรื่อยจากช่วง 1 ปีก่อนฮาล์ฟวิ่ง ช่วงที่เกิดฮาล์ฟวิ่ง และจุดสูงสุดหลังใหม่หลังการเกิดฮาล์ฟวิ่ง อย่างไรก็ดี การดีดตัวขึ้นของราคา ณ จุดสูงสุดใหม่หลังการเกิดฮาล์ฟวิ่งนั้น จะลดลงเรื่อยๆ
ในการฮาล์ฟวิ่งครั้งที่ 4 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ระดับราคาคาดว่าจะสูงกว่า 27,000 ดอลลาร์/BTC โดย Jesse Myers COO จาก Onramp มองว่า ระดับราคาสูงสุดใหม่มีโอกาสพุ่งไปถึง 12,000 - 240,000 ดอลลาร์/BTC อย่างไรก็ดี ปัจจัยทางเศรษฐกิจก็อาจส่งผลต่อราคาได้เช่นเดียวกัน
ที่มา : abc News, CoinMarketCap, CryptoSlate