Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Donald Trump กับอุตสาหกรรมคริปโทฯ ที่บุกเบิก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Donald Trump กับอุตสาหกรรมคริปโทฯ ที่บุกเบิก

28 ม.ค. 68
10:45 น.
|
41
แชร์

การเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ Donald Trump ในปี 2024 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่ในด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาในอุตสาหกรรม สินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ด้วยเช่นกัน นโยบายของ Trump ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังมุ่งเน้นบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านวิสัยทัศน์ที่สนับสนุนการยอมรับและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งความพยายามดังกล่าวได้ส่งแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับตลาดคริปโทฯ ทั่วโลก

หนึ่งในนโยบายสำคัญของ Donald Trump คือการผลักดันให้ Bitcoin กลายเป็น สินทรัพย์สำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Bitcoin Reserve) สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเสนอให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดซื้อ Bitcoin เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบดุลของประเทศ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจาก วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ซึ่งมองว่า Bitcoin มีศักยภาพในการเป็นสินทรัพย์สำรองที่ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ แม้ว่าจะเผชิญความท้าทายทั้งจากการเมืองและตลาดโลก แต่หากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ อาจช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

จากการคาดการณ์ หากสหรัฐฯ สามารถถือครอง Bitcoin จำนวน 1 ล้าน BTC ภายในปี 2029 และ Bitcoin มีอัตราการเติบโตแบบทบต้น (CAGR) ที่ 25% มูลค่าของ Bitcoin อาจคิดเป็น 35.5% ของหนี้สาธารณะในปี 2049 และหากราคาของ Bitcoin แตะ 42 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญ มูลค่าของคลังสำรอง Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นเป็น 36% ของหนี้สาธารณะ และ 18% ของสินทรัพย์การเงินโลก นโยบายนี้ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังยกระดับสถานะของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำคัญในระบบการเงินโลก

Trump ยังได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภาครัฐ โดยไล่ Gary Gensler ออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งเคยมีท่าทีแข็งกร้าวต่อคริปโทฯ และแต่งตั้งประธาน SEC คนใหม่ที่มีมุมมองเปิดกว้างต่อเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ พร้อมทั้งผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็น ศูนย์กลางด้านคริปโทเคอร์เรนซีระดับโลก รวมถึงสนับสนุนการขุด Bitcoin ภายในประเทศ การผลักดันดังกล่าวไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมคริปโทฯ ในสายตานักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งยังห้ามพัฒนา CBDC และยังส่งเสริมการใช้งาน Stablecoins ที่ใช้สกุลเงินดอลล่าสหรัฐ

นอกจากบทบาทในเชิงนโยบายแล้ว ครอบครัวของ Trump ยังมีบทบาทสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดย Donald Trump Jr., Eric Trump และ Barron Trump ได้มีการลงทุนใน DeFi และ Bitcoin พร้อมทั้งเปิดตัว NFT Collection ที่ประกอบด้วยการ์ดดิจิทัลกว่า 45,000 ภาพ รวมถึงโทเคนมีมอย่าง $TRUMP ซึ่งสร้างกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

JD Vance จากที่เคยเป็นคนที่วิจารณ์ Donald Trump ตอนนี้ JD Vance ได้ก้าวเข้ามาสู่คนที่ยืนเคียงคู่ Trump และได้รับเลือกมาเป็นรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ JD Vance นั้นเกิดที่มิดเดิ้ลทาวน์ ในโอไฮโอ้ ปี 1984 เกิดมาในครอบครัวที่อยู่ในชนชั้นแรงงาน ต้องพบเจอกับความยากจนและการใช้สารเสพติดตั้งแต่เด็ก เขานั้นได้ผลักดันตัวเองจนเรียนจบมหาวิทยาลัยในด้านกฏหมาย Vance และถูกรู้จักในฐานะนักอนุรักษ์นิยมที่มีความคิดและมุมมองที่แข็งแกร่ง เช่น เรื่องการต่อต้านการทำแท้ง การต่อต้านการอพยพที่ผิดกฏหมาย หรือการมีการวิจารณ์การสนับสนุนสงคราม รัสเซีย ยูเครน 


JD Vance ยังเป็นที่รู้จักในนามของบุคคลที่สนับสนุน Bitcoin และเขามีประสบการณ์การลงทุนที่สูงพอสมควรโดยที่เขานั้นได้มีการถือครองหุ้นบริษัทมากกว่า 120 แห่ง ในด้านการลงทุนของ JD Vance ที่แสดงให้เห็นถึงการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยต้องเกริ่นก่อนว่า Vance นั้นได้มีการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไปมาก่อน เช่น หุ้น ทอง น้ำมัน ก่อนที่เขานั้นจะก้าวข้ามมาลงทุนใน Bitcoin การลงทุนใน Bitcoin ของ JD Vance นั้นไม่ได้มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่เป็นแนวทางให้แก่นักลงทุนในโลกดั้งเดิม ได้มีทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนเข้ามาในสินทรัพย์ดิจิทัล

ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของ Trump ซึ่งประกอบไปด้วย Donald Trump Jr., Eric Trump และ Barron Trump ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม DeFi หรือ Decentralized Finance ที่มีชื่อว่า World Liberty Financial (WLF) โดยมีเป้าหมายสำคัญในการปฏิวัติวงการการเงินดิจิทัล พร้อมทั้งฟื้นคืนกระแส DeFi Summer ให้กลับมาอีกครั้ง โทเคนหลักของแพลตฟอร์มนี้คือ WLFI ซึ่งทำหน้าที่เป็น Governance Token ให้ผู้ถือโทเคนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและลงคะแนนในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม แม้ว่าการระดมทุนครั้งแรกของโครงการจะประสบอุปสรรคทางเทคนิคและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เต็มจำนวน แต่ WLF ก็สามารถระดมทุนได้สูงถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและแสดงถึงศักยภาพของโครงการในระยะยาว โดยโทเคน WLFI สามารถซื้อขายได้ผ่าน Decentralized Exchange (DEX) อย่าง Uniswap หรือสามารถซื้อโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของ WLF ได้เช่นกัน

นอกเหนือจากการระดมทุน WLF ยังได้ขยายพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ เช่น ETH, WBTC, ONDO, ENA, AAVE, LINK และ TRX ซึ่งแสดงถึงกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง และข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 24 มกราคม WLF ได้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลรวมมูลค่ากว่า 379 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะ Ethereum (ETH) ที่มีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ WLF ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้ง เดือน พฤศจิกายน 2024 Donald Trump ได้เข้าซื้อกิจการ Bakkt บริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย โดยการเข้าซื้อ Bakkt ของ Trump นั้นแสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายของ Trump ต่อสินทรัพย์ดิจิทัล และด้วยการที่ Bakkt นั้นมีการขาดทุนอยู่ทำให้ Donald Trump นั้นอาจซื้อได้ในราคาที่ถูกอีกด้วย

นโยบายและวิสัยทัศน์ของ Donald Trump ในปี 2025 ไม่เพียงแต่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ แต่ยังส่งผลต่อการยกระดับสถานะของคริปโทเคอร์เรนซีและ DeFi บนเวทีโลก ทั้งจากการสนับสนุน Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรอง การผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางคริปโทฯ และบทบาทสำคัญของแพลตฟอร์มอย่าง World Liberty Financial รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ Bakkt ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัล แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

หมายเหตุ:คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ผู้เขียน:นายภาณุวิชญ์ ไทยานนท์ ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด

แชร์
Donald Trump กับอุตสาหกรรมคริปโทฯ ที่บุกเบิก