KUN เทรดใน SET วันแรก ราคาพุ่ง +7.75% ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี 1,000 ล้าน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้อนรับสมาชิกใหม่ บมจ. วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN ที่ได้ย้ายเข้าซื้อขายใน SET วันนี้ (11 ก.ย.) การย้ายครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพและความพร้อมของ KUN ในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายทะยานสู่รายได้ 1,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า 

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

"ใหม่ ดาวิกา" ไม่ทน! ฟ้องคนด่าแรง เอาเงินมาช่วยเหลือสัตว์

ตำนาน นางนพมาศ จากพิธี "จองเปรียง" สมัยสุโขทัย สู่ประเพณี "ลอยกระทง"

บทความนี้ SPOITLIGHT จะพาคุณไปเจาะลึกถึงแผนการเติบโต กลยุทธ์ทางธุรกิจ และโครงการแฟลกชิปที่น่าจับตามองของ KUN ที่จะขับเคลื่อนบริษัทฯ สู่ความสำเร็จในอนาคต

KUN เทรดใน SET วันแรก ราคาพุ่ง +7.75% ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี 1,000 ล้านบาท

บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ได้ย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในนี้ (11 ก.ย.) เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

โดยราคาหุ้น KUN เปิดตลาดมาช่วงเช้า อยู่ที่ 1.47 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.05 จุด หรือ +3.52% และปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาแตะระดับสูงสุดของวันเมื่อเวลา 14.10 น. ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไป 18.31% มาอยู่ที่ 1.68 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 0.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1.67 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้เผยถึงแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการภายใต้แบรนด์ "นาวาร่า" ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายรายได้รวมประจำปี 2567 ไว้ที่ 800 ล้านบาท

ในระยะยาว บริษัทได้วางแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ 5 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การบรรลุรายได้ 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการ Flagship ใหม่ภายใต้แบรนด์ "นาวาร่า" ในทำเลศักยภาพสูง ได้แก่ โซนพระราม 2 และรังสิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง

KUN ก้าวสู่ SET 11 ก.ย.2567 เปิดโอกาสเติบโต ดึงดูดนักลงทุนสถาบัน

คุณประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ KUN เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 เป็นต้นไป การย้ายครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ KUN

นอกจากนี้ การย้ายเข้าจดทะเบียนใน SET ยังส่งผลให้เกิดสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลายยิ่งขึ้น

คุณประวีรัตน์ กล่าวแสดงความยินดีที่ KUN ได้รับการอนุมัติให้ย้ายเข้าจดทะเบียนใน SET และเชื่อมั่นว่าการย้ายครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ทั้งในด้านการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น, การปรับตัวของราคาหุ้น, การสร้างความน่าเชื่อถือต่อสถาบันการเงิน, และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ

ก้าวสำคัญ 5 ปี จากตลาด mai สู่ SET พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ KUN ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ครอบคลุม 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ ตามแผนยุทธศาสตร์ "ป่าล้อมเมือง" เพื่อสร้างอาณาจักรที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรก และมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์แนวราบในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

หลังจากประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากตลาด mai KUN ได้นำเงินทุนไปต่อยอดพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทฯ ก็สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการนำเสนอไลฟ์สไตล์ "สุขใจอยู่บ้านชานเมือง" และขยายตลาดด้วยกลยุทธ์หลากหลาย ทั้งการเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เดิม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายสู่ตลาดใหม่

จากจุดเริ่มต้นที่มีเพียง 4 โครงการ ปัจจุบัน KUN เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีโครงการครอบคลุม 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ ทั้งหมด 9 โครงการ และขยายกลุ่มสินค้าจากระดับราคา 2-5 ล้านบาท สู่ 2-15 ล้านบาท รวมถึงการสร้างแบรนด์ "นาวาร่า" เพื่อเจาะตลาดที่อยู่อาศัยระดับ High-End สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จของ KUN ยังเห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 767 ล้านบาทในปี 2010 เป็น 2,800 ล้านบาทในปี 2019 และ 541 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ทั้งในรูปแบบเงินสดและหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 576 ล้านบาท

CEO KUN เผยแผน Road Map 5 ปี ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 1,000 ล้านบาทต่อปี

คุณประวีรัตน์ CEO ของ KUN ได้กล่าวถึงแผนการเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ว่า หลังจากปี 2556 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายการเติบโตเป็นช่วงๆ ในระยะยาว 5 ปี โดยในช่วงปี 2561-2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ทั้งการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai การบรรลุรายได้ 1,000 ล้านบาท การจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ และการพัฒนาโครงการครบ 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ

สำหรับภารกิจในช่วงปี 2566-2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการย้ายกระดานเทรดจาก mai สู่ SET และสร้างอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 1,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะมากกว่า 800 ล้านบาท หรือเติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะทยอยรับรู้รายได้จากบ้านกลุ่ม "นาวาร่า" ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการปีนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีรายได้แล้วประมาณ 300 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ประมาณ 240 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังทั้งหมด

ปัจจุบัน KUN มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 7 โครงการ แบ่งเป็นทำเลบางบัวทอง 5 โครงการ, ทำเลพระราม 2 จำนวน 1 โครงการ และทำเลรังสิต 1 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีที่ดินรอพัฒนาโครงการใหม่อีก 2 แปลง รวมพื้นที่ประมาณ 65 ไร่ ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยบริษัทฯ จะเน้นการพัฒนาโครงการเดิมตามแผนที่วางไว้ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท

KUN เดินหน้าโครงการแฟลกชิป "นาวาร่า" สร้างรายได้อนาคต

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ "นาวาร่า" ทั้ง 2 ทำเล ได้แก่ พระราม 2 และรังสิต ซึ่งถือเป็นโครงการแฟลกชิปบนทำเลทองที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ในอนาคต โครงการเหล่านี้โดดเด่นด้วยบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 62 ตารางวาขึ้นไป ในระดับราคา 5-14 ล้านบาท และเน้นการออกแบบที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

โครงการ "นาวาร่า พระราม 2" ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2566 มียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 44 แปลง คิดเป็นมูลค่า 306 ล้านบาท จากทั้งหมด 469 แปลง มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท ส่วนโครงการ "นาวาร่า รังสิตคลอง 2" ซึ่งเปิดขายเมื่อต้นปี 2567 มียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 12 แปลง คิดเป็นมูลค่า 83 ล้านบาท จากทั้งหมด 866 แปลง มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท

ความสำเร็จของโครงการ "นาวาร่า" ทั้งสองแห่งนี้ ตอกย้ำถึงศักยภาพของแบรนด์และความต้องการของตลาดในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับ High-End ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับ KUN ในอนาคต