ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งระดับย่อยและสถาบัน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เคยเป็นเพียงนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ปัจจุบันกลายเป็นปัจจัยสำคัญในเศรษฐกิจโลก
ล่าสุด นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ ไบแนนซ์ เปิดเผย 3 สัญญาณการเติบโตของบิทคอยน์ ทั้งในกลุ่มนักลงทุนระดับย่อย และนักลงทุนสถาบัน เพื่อทำให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจในการลงทุนที่มีความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อก่อน การลงทุนจะเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ กระเป๋า หรือนาฬิกา แต่ตอนนี้ ผู้คนทั่วโลกหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ ‘บิทคอยน์’ มากขึ้น สะท้อนได้จากมูลค่าตลาดของบิทคอยน์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับ All Time High หรือสูงสุดตลอดกาลที่ 73,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบิทคอยน์ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดติด 10 อันดับแรกของโลกอีกด้วย เห็นได้จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ 4 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่ โดยการเลือกตั้งในปีนี้ ยังคงต้องจับตาดูอีกครั้งว่า แนวโน้มมูลค่าของบิทคอยน์จะเป็นอย่างไรต่อไป
บิทคอยน์ ถูกใช้งานจริงครั้งแรกในวันที่ 22 พฤษภาคม 2553 เพื่อใช้ซื้อพิซซ่า ทำให้ทุกวันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปี ถูกเรียกว่า ‘Bitcoin Pizza Day’ เป็นการตอกย้ำว่า บิทคอยน์สามารถนำมาใช้ซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันได้
หลังจากนั้น บิทคอยน์เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดตัว ‘Bitcoin ATM’ เครื่องแรกในปี 2556 ที่ร้านกาแฟในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา รวมถึงการที่แบรนด์ระดับโลก เปิดช่องทางการซื้อสินค้าด้วยบิทคอยน์ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Dell และ PayPal รวมถึงแบรนด์หรูอย่าง Hublot
นอกจากนี้ ในปี 2564 เอลซัลวาดอร์ ยังถือเป็นประเทศแรกที่ยอมรับบิทคอยน์ เป็นสกุลเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้ และใช้แทนเงินสดได้ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย
ล่าสุดในปี 2567 หลายประเทศเริ่มเห็นบิทคอยน์ เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของชาติ ยกตัวอย่างเช่น:
ตั้งแต่ Spot Bitcoin ETFs เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มูลค่าการทำธุรกรรมในขณะนี้ สูงมากถึง 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.83 ล้านล้านบาท และเริ่มมีผู้เล่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน สนใจเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก เช่น Morgan Stanley, JPMorgan Chase & Co, CitiBank, Goldman Sachs, และ Wells Fargo
ทั้งนี้ นายนิรันดร์ ปิดท้ายว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจว่า จะเลือกลงทุนในแพลตฟอร์มใด คือ การศึกษารายละเอียด และฟีเจอร์ที่ให้บริการอย่างรอบคอบ รวมทั้งสามารถมอบประสบการณ์ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร