SX 2024 พลังความร่วมมือ สู่สังคมที่ยั่งยืน กับ โซน BETTER COMMUNITY

Sustainability Expo 2024 หรือ SX 2024 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานแสดงสินค้าหรือการประชุม แต่คือเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และสำหรับโซน BETTER COMMUNITY ภายในงาน SX 2024 คือพื้นที่ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดนี้ โดยนำเสนอถึงพลังแห่งความร่วมมือในการสร้าง "สังคมที่ดีกว่า" ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน มาร่วมสำรวจ 4 โซนนีทรรศการที่จะจุดประกายความคิดและสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนไปด้วยกัน

SX 2024 พลังความร่วมมือ สู่สังคมที่ยั่งยืน กับ โซน BETTER COMMUNITY

สำหรับโซน BETTER COMMUNITY ภายในงาน Sustainability Expo 2024 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้าง "สังคมที่ดีกว่า" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา นิทรรศการในโซน BETTER COMMUNITY ได้เป็นเวทีเชื่อมโยงบุคคลและองค์กรมากกว่า 100 แห่ง ที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน กุญแจสำคัญที่ค้นพบคือ "พลังของความร่วมมือ" เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกัน จะสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาอันเหมาะสม

4 โซนนิทรรศการ สำรวจแนวทางสู่สังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน

ในปีนี้ นิทรรศการโซน BETTER COMMUNITY เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้สำรวจ 4 มิติสำคัญในการพัฒนาสังคม ได้แก่

• Learning Society (เมืองสร้างการเรียนรู้ กระตุ้นให้คนอยากเรียนรู้แบบที่ไม่มีที่สิ้นสุด): เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากร เสริมสร้างศักยภาพของบุคคลและชุมชนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
• Caring City (เมืองที่เอื้อต่อความหลากหลาย และมีความปลอดภัยพื้นที่สำหรับทุกคน): นำเสนอแนวคิดและตัวอย่างการออกแบบพื้นที่สาธารณะที่คำนึงถึงความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของทุกคน เพื่อสร้างเมืองที่เป็นมิตรและน่าอยู่สำหรับทุกชีวิต
• Community Shapers (เมืองแห่งนักลงมือทำ): ยกย่องและสนับสนุนบทบาทของนักพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น พร้อมนำเสนอเครื่องมือและแนวทางเพื่อเสริมศักยภาพในการทำงาน
• Art-Driven city (เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะ): ตอกย้ำศักยภาพของศิลปะและวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
  "พวกเราทุกคน" คือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง

นิทรรศการนี้ต้องการสื่อสารว่า การสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการกระทำของคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หากคุณปรารถนาที่จะเห็นเมืองและสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน Sustainability Expo 2024 โซน BETTER COMMUNITY คือจุดเริ่มต้นที่คุณไม่ควรพลาด

Bangkok City Lab: แหล่งกำเนิดไอเดียเพื่อสังคมที่ดีกว่าในโซน Better Community

Bangkok City Lab หนึ่งใน Learning Society ที่นำเสนอแนวคิดห้องทดลองเพื่อแก้ปัญหาเมืองหลวง, สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรุงเทพฯ ในการสร้างสรรค์เมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ โซน Better Community ในงาน Sustainability Expo 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

โซน Better Community คือพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้น ผ่านการนำเสนอผลงานที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ โดยมีภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศกว่า 50 แห่งเข้าร่วม

ตัวเลข '50' นี้ บ่งบอกถึงความร่วมมืออันหลากหลาย ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่หน่วยงานภาครัฐ แต่ยังรวมถึงภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Bangkok City Lab ที่ต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง

3 แกนหลักของ Bangkok City Lab: Solvent Lab, Future Lab และ Outreach Lab ก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสังคมที่ดีในโซน Better Community

1. Solvent Lab มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สอดคล้องกับการนำเสนอผลงานที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
2. Future Lab มองไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เชื่อมโยงกับการนำเสนอนวัตกรรมและแนวคิดเพื่อการพัฒนาเมืองในระยะยาว
3. Outreach Lab เน้นการสื่อสารและสร้างความร่วมมือ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนแนวคิดไปสู่การปฏิบัติจริง เช่นเดียวกับโซน Better Community ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้

หากคุณอยากเห็นกรุงเทพฯ และเมืองทั่วโลกพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น โซน Better Community และแนวคิดเบื้องหลัง Bangkok City Lab คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด เพราะที่นี่คือแหล่งรวมไอเดียและแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้เราสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนไปด้วยกัน

Caring City "เมืองแห่งความใส่ใจ" - สังคมที่ดี สู่เมืองที่ยั่งยืน

เมืองแห่งความใส่ใจ หรือ Caring City ณ โซน Better Community เพื่อตอกย้ำความสำคัญของการพัฒนาสังคมที่ดี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน นิทรรศการนี้ได้แสดงให้เห็นภาพเมืองในอุดมคติ ที่ซึ่งความปลอดภัย ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันในชุมชน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ล้วนผสมผสานกันอย่างลงตัว

องค์การอนามัยโลกได้ให้คำจำกัดความ "เมืองที่น่าอยู่" ว่าเป็นเมืองที่เอื้อให้ประชากรเกิดความรู้สึกปลอดภัย มีความผูกพันในชุมชน ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม มีที่อยู่อาศัยเพียงพอในราคาที่เข้าถึงได้ และมีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น แหล่งงาน สถานศึกษา สวนสาธารณะ และสถานบริการสุขภาพ

ดังนั้น "เมืองแห่งความใส่ใจ" จึงเป็นเสมือนศูนย์รวมของผู้คนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชากรในเมือง โดยมุ่งเน้นกระบวนการออกแบบและการมีส่วนร่วม ตั้งแต่การจัดการพื้นที่สาธารณะ การสร้างกลไกการสื่อสารข้อมูล ไปจนถึงการวางแผนการเดินทางที่ตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วน ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อ "ยกระดับคุณภาพชีวิตนอกบ้านสำหรับทุกคน" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

Community Shapers "คืนบ้านให้ธรรมชาติ" - ร่วมสร้างเมืองน่าอยู่ด้วยนวัตกรรมสีเขียว

โซน Community Shapers ได้นำเสนอแนวคิด "คืนบ้านให้ธรรมชาติ" เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างสังคมที่ดีและเมืองที่น่าอยู่ต้องคำนึงถึงสมดุลระหว่างการพัฒนาเมืองและการอนุรักษ์ธรรมชาติ นิทรรศการนี้ได้จุดประกายให้เห็นว่าการขยายตัวของเมืองส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ การลดลงของพื้นที่สีเขียวและแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ป่า ทำให้แมลงผสมเกสรอย่างผึ้ง ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของพืชพันธุ์กว่า 80% ทั่วโลก ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีวิต

หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ "Bee Brick" หรือ "อิฐสำหรับผึ้ง" ซึ่งพัฒนาโดย Green&Blue ผลิตจากวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมดินขาวในเมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ออกแบบให้มีโพรงภายใน เพื่อจำลองแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของผึ้งเดี่ยว ซึ่งเป็นแมลงผสมเกสรที่สำคัญ อิฐเหล่านี้สามารถนำไปติดตั้งในสวนสาธารณะหรืออาคารต่างๆ ได้อย่างกลมกลืน ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในเมือง

โซน Community Shapers ได้แสดงให้เห็นว่าการสร้าง "เมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด การผสานรวมนวัตกรรมสีเขียวอย่าง "Bee Brick" เข้ากับการออกแบบและพัฒนาเมือง จะเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืนอย่างแท้จริง

Art-Driven city "เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะ" - นิทรรศการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เพื่อเมืองน่าอยู่ใน SX 2024

มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน Sustainability Expo 2024 หรือ SX 2024 ไม่ได้เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วย ภายในโซน Better Community นิทรรศการ "Art Driven City เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะ" ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทอันทรงพลังของศิลปะและวัฒนธรรมในการสร้างเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน

นิทรรศการนี้ตอกย้ำว่า ศิลปะและวัฒนธรรมเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเมือง ดึงดูดประชากร นักท่องเที่ยว และการลงทุน ผ่านการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างประวัติศาสตร์ นวัตกรรม และวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น ประเทศไทยตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของศิลปะและวัฒนธรรม จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งในด้านเงินทุนและการกำหนดพื้นที่พิเศษเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางศิลปะ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในระยะยาวของโครงการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของชุมชน

"Art Driven City" แสดงพลังขับเคลื่อนจากศิลปวัฒนธรรม

ภายในนิทรรศการ "Art Driven City" ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับไฮไลท์จากเทศกาล Bangkok Art Biennale, มุมมองอันลึกซึ้งของเมืองเวนิสผ่านเลนส์ของช่างภาพมืออาชีพ และโครงการท้องถิ่นที่น่าสนใจในงานเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ (Design Week) ทั้งหมดนี้เป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าศิลปะและวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์และคุณค่าของเมือง ผ่านการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างความผูกพัน และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นว่าเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างสรรค์และธำรงรักษาคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเมืองที่สมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

"Art Driven City" คืออีกหนึ่งโซนที่ไม่ควรพลาดในงาน SX 2024 เพราะที่นี่จะเปิดมุมมองใหม่ ๆ และเป็นแรงบันดาลใจให้คุณตระหนักว่าศิลปะและวัฒนธรรมสามารถเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสรรค์เมืองที่เราทุกคนใฝ่ฝัน

บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB) มหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับสากล ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร

ภายใน โซน Art-Driven city ทาง บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB) ได้มาเปิดบูธแสดงนิทรรศการสำหรับใครที่ไม่ทราบ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ถือเป็นเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ จัดขึ้นทุกสองปีในกรุงเทพมหานคร โดยมีระยะเวลากว่า 4 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม ที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลัง

BAB นำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลายและทรงคุณค่าจากทั้งศิลปินไทยและนานาชาติ ไม่เพียงแต่ในพื้นที่ศิลปะและวัฒนธรรมที่เป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม และพื้นที่สาธารณะทั่วกรุงเทพมหานคร ทำให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ศิลปะได้ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง ด้วยความที่เป็นเทศกาลที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ง่าย BAB ในแต่ละครั้งดึงดูดผู้เข้าชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 3.5 ล้านคน และมีศิลปินมากกว่า 300 คนจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา โอเชียเนีย และแอฟริกา เข้าร่วมแสดงผลงานอันทรงคุณค่า

แก่นสาระสำคัญของแต่ละครั้งจะสะท้อนถึงเหตุการณ์และความเป็นไปของโลกในยุคปัจจุบัน กระตุ้นให้ผู้ชมตระหนักถึงประเด็นทางสังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก และเชื้อเชิญให้ตั้งคำถามผ่านงานศิลปะว่า "ความร่วมสมัย" คืออะไร สำหรับวัตถุประสงค์และพันธกิจของมูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่

• ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปะร่วมสมัย: BAB มุ่งมั่นที่จะเป็นเวทีระดับนานาชาติสำหรับศิลปินในการนำเสนอผลงาน สร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมความเข้าใจในศิลปะร่วมสมัย
• สร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะสำหรับศิลปะ: BAB เชื่อมั่นว่าศิลปะควรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน จึงจัดแสดงผลงานในพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและชื่นชมศิลปะได้อย่างทั่วถึง
• กระตุ้นการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม: BAB มีเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและให้ความรู้แก่ผู้ชมทุกวัย ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น เวิร์กช็อป บรรยาย และทัวร์ชมงาน
• สร้างเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรม: BAB สนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือระหว่างศิลปินและองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ เป็นมากกว่าเทศกาลศิลปะ เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรมในวงกว้าง เป็นโอกาสอันล้ำค่าที่ชาวกรุงเทพฯ และผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลายและน่าตื่นเต้น และเป็นเครื่องยืนยันถึงความมีชีวิตชีวาของกรุงเทพมหานคร ในฐานะศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรมของโลก

นิทรรศการ "กรุงเทพฯ - เวนิส

เล่าอัตลักษณ์เมืองพี่เมืองน้องผ่านภาพถ่าย" ณ โซน Better Community ภายในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2024 หรือ SX2024 คืองานที่ท่านไม่ควรพลาดชม

นิทรรศการนี้ที่นำเสนอภาพสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างสองนครที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ ทั้งกรุงเทพฯ และเวนิส ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ภาพถ่ายที่จัดแสดงจะเปิดมุมมองให้ท่านได้เห็นถึง

ความคล้ายคลึงและความแตกต่าง: ทั้งในด้านวิถีชีวิต สถาปัตยกรรม และศิลปะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของทั้งสองเมือง
แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนา: เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

เมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน การเข้าชมนิทรรศการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความหมายของ "สังคมที่ดีร่วมกัน" และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเมืองของเราไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

"เดิน เที่ยว เมือง" - มุ่งสู่เมืองที่เข้าถึงได้และยั่งยืน

สำหรับแนวคิด "เดิน เที่ยว เมือง" ณ โซน Better Community เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเมืองที่เอื้อต่อการเข้าถึงของทุกคน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่ นิทรรศการนี้ได้นำเสนอภาพของเมืองในอุดมคติ ที่ซึ่งการเชื่อมต่อและการเข้าถึงเป็นหัวใจสำคัญ ส่งเสริมการเดินเท้าและการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศ และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน

กลุ่ม TAA หรือ Transportation for All ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ เพื่อผลักดันให้เกิด "ทางเท้าที่ทุกคนเดินได้" โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ใช้รถเข็น ซึ่งควรมีระยะทางรวมกันอย่างน้อย 144 กิโลเมตรทั่วกรุงเทพฯ สำหรับเสียงสะท้อนจากประชาชน 144 คน ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการในการใช้ทางเท้า ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันพัฒนามาตรฐานทางเท้าและระบบขนส่งมวลชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเดินเท้าและการเดินทางอย่างยั่งยืน

สำหรับ "เมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน" คือเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการและสาธารณูปโภคได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดทางร่างกาย การพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อการเดินเท้าและการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

ก้าวสู่สังคมที่ยั่งยืน เราทุกคนมีส่วนร่วม

โซน BETTER COMMUNITY ภายในงาน Sustainability Expo 2024 ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พลังแห่งความร่วมมือ" ในการสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน ทั้ง 4 โซนนิทรรศการได้จุดประกายความคิดและนำเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาสังคม ทั้งในด้านการเรียนรู้ การสร้างเมืองที่เอื้อต่อทุกคน การสนับสนุนนักพัฒนาชุมชน และการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน

งาน SX 2024 ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานจัดแสดง แต่เป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่า หากคุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ อย่าพลาดโอกาสที่จะเข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2024 และสัมผัสประสบการณ์อันทรงคุณค่า ณ โซน BETTER COMMUNITY เพราะ "พวกเราทุกคน" คือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง