ธุรกิจการตลาด

Meta ชี้ ‘อินเดีย’ ใช้ Meta AI มากที่สุด และ WhatsApp ทะลุ 500 ล้านราย

1 ส.ค. 67
Meta ชี้ ‘อินเดีย’ ใช้ Meta AI มากที่สุด และ WhatsApp ทะลุ 500 ล้านราย
ไฮไลท์ Highlight

Meta เปิดตัวแชทบอท AI ในอินเดีย หลังพบว่า ‘อินเดีย’ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยมีฐานสมาชิกรวมกันกว่าพันล้านคนในแอปต่างๆ เช่น Facebook, WhatsApp, Instagram และ Threads

Meta เผยว่า ‘อินเดีย’ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในขณะที่ หลังจากพบว่า มีการใช้งาน Meta AI ในการค้นหามากกว่าพันรายการนับต้ังแต่การเปิดตัว รวมถึงมีผู้ใช้งาน WhatsApp ในอินเดียกว่า 500 ล้านคนด้วย

Susan Li ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน Meta เผยว่า Meta เห็นสัญญาณที่มีแนวโน้มโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน WhatsApp ในแง่ของการใช้งานและการมีส่วนร่วม ซึ่งใกล้เคียงกับที่อินเดียกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการใช้งาน Meta AI

Meta เปิดตัว Meta AI ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีให้ใช้งานใน Instagram, Facebook, Messenger, WhatsAppม และเว็บไซต์ โดยต่อมา บริษัทได้อัปเกรดแชทบอทในเดือนเมษายนด้วยโมเดล Llama 3 ใหม่และเปิดตัวเพิ่มกว่า 14 ประเทศ รวมถึงอินเดีย ที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถใช้งานได้ทั่วถึงเดือนมิถุนายน หลังการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียเสร็จสิ้น

ที่ผ่านมา บริษัทเผชิญกับความท้าทายทางวัฒนธรรมในการทำให้ AI ปรับตัวเข้ากับตลาดอินเดียมากขึ้น จากการรายงานของ TechCrunch พบว่า :

  • เดือนพฤษภาคม รูปภาพของผู้ชายอินเดียที่สร้างโดย Meta AI ส่วนใหญ่จะสวมผ้าโพกหัว
  • เดือนกรกฎาคม ผู้ใช้ X หลายคนบ่นว่า Meta AI สร้างเรื่องตลกเกี่ยวกับศาสนาหนึ่ง และปฏิเสธที่จะทำเช่นเดียวกันกับศาสนาอื่น

ผลลัพธ์เหล่านี้ไม่สอดคล้องกัน และในที่สุด Meta ก็ปรับแต่งอัลกอริทึม เพื่อให้เท่าเทียมกันสำหรับเรื่องตลกทางศาสนา

ส่วนเมื่อเดือนที่ผ่านมา Meta ได้เพิ่มการรองรับภาษาต่างๆ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ฮินดี สคริปต์ฮินดี-โรมัน อิตาลี โปรตุเกส และสเปน ซึ่งขณะนี้ Meta AI เปิดให้บริการใน 22 ประเทศ รวมถึงประเทศอาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย เอกวาดอร์ และเม็กซิโกที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด

ส่วนโมเดล Llama 4 ทาง Mark Zuckerberg เผยว่า ต้องใช้พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์มากถึง 10 เท่า เพื่อฝึกฝนโมเดล Llama 4 และโมเดลในอนาคตจะยังคงเติบโตต่อไปนอกเหนือจากนั้น

นอกเหนือจาก AI แล้ว Meta ยังเห็นสัญญาณที่มีแนวโน้มสำหรับเครือข่ายโซเชียลของตน บริษัทตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ Threads มีผู้ใช้เกือบ 200 ล้านคน โดยมีคู่แข่งหลักอย่าง X หรือทวิตเตอร์เดิม ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 175 ล้านราย 

ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2567

สำหรับไตรมาสที่ 2/2567 รายได้ของ Meta อยู่ที่ 39,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ในขณะที่กำไรสุทธิทะลุ 73% เป็น 13,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 5.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น

โดยผลลัพธ์ของ Meta ชี้ให้เห็นถึงส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดโฆษณาดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท รายได้จากการโฆษณาซึ่งส่วนใหญ่มาจากแอพ Facebook และ Instagram เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนหน้า

Meta ยังคงได้รับประโยชน์จากความคิดริเริ่มในการลดต้นทุนที่เริ่มต้นในปลายปี 2565 บริษัทได้ปลดพนักงานทั้งหมดประมาณ 21,000 ตำแหน่งจากการเลิกจ้างหลายรอบ รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อนหน้าเป็น 14,847 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตรากำไรจากการดำเนินงานของ Meta เพิ่มขึ้นเป็น 38% จาก 29% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม Meta ได้ใช้จ่ายอย่างมากกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, VR, และ AR ที่จำเป็นในการสนับสนุน metaverse รวมทั้งได้ทุ่มเงินให้กับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลและทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอกล่าวว่า มีความจำเป็นเพื่อก้าวนำหน้าคู่แข่ง

ในขณะที่บริษัทกำลังดำเนินการปรับปรุงแผนสำหรับปีหน้า Meta คาดว่ารายจ่ายฝ่ายทุนจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 ในขณะที่ Meta ลงทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัย AI และความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ หุ้นของ Meta ปิดตลาดที่ 474.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.51% ทำให้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 1.204 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่อันดับ 7 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุด

ที่มา TechCrunch, Meta, CNBC, Companies Market Cap

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT