ค่ำวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ จะถึงเส้นตายงบประมาณหมด ซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดชั่วคราวเพราะไม่มีเงินจ่าย แต่สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นกังวล หลังเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรโหวตไม่เอาร่างงบประมาณฉบับปรับปรุงโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มาจากพรรครีพับลิกันเช่นกัน
แผนดังกล่าวต้องการเสียงสนับสนุนสองในสามของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อผ่านการอนุมัติ แต่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ ทั้งที่มีสมาชิกรีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาดังกล่าว โดยมีสมาชิกรีพับลิกัน 38 คนโหวตค้านร่วมกับสมาชิกเดโมแครต
ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงงบประมาณที่นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน เคยทำร่วมกับพรรคเดโมแครต
ทรัมป์และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยี วิพากษ์วิจารณ์ร่างงบประมาณฉบับก่อนหน้านี้อย่างรุนแรง แต่ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ มีข้อกำหนดให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลต้องผูกกับการระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางเป็นเวลาสองปี ซึ่งเพดานหนี้นี้จะกำหนดว่ารัฐบาลสามารถกู้เงินได้เท่าไรเพื่อนำไปใช้จ่าย แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี ด้วยคะแนน 235 ต่อ 174 เสียง
ปัญหาดังกล่าวต้องย้อนกลับไปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายขยายเวลาการจัดสรรงบประมาณออกไปอีก 6 เดือน โดยส่วนใหญ่สมาชิกพรรคเดโมแครตลงคะแนนคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ในตอนนั้น สภาคองเกรสจึงตกลงร่วมกันระหว่างสองพรรค เพื่อทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินการต่อไปได้จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้นำสภาคองเกรสเผยแพร่เนื้อหาของร่างงบประมาณในวันอังคารที่ผ่านมา กลับพบว่า จะมีการขยายเวลาจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งทรัมป์จะสาบานตนกลับมารับตำแหน่งในเดือนมกราคมนี้ หมายความว่า ร่างนี้จะใช้ในช่วงรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ด้วย
แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนวิจารณ์ร่างดังกล่าวว่า ละทิ้งงบประมาณพื้นฐาน และตำหนิเนื้อหาบางส่วนที่เอียงซ้าย เพราะต้องการดึงดูดการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต ดังนั้นจึงมีการเสนองบประมาณตัวใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งทรัมป์และมัสค์ แต่ก็ยังไม่ผ่านสภาเช่นเดิม
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่สภาคองเกรสยังไม่มีกำหนดการลงมติอีกครั้งในวันพฤหัสบดี ทำให้การลงมติครั้งต่อไปต้องเกิดขึ้นในเช้าวันศุกร์ ซึ่งจะเหลือเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนที่รัฐบาลจะต้องปิดชั่วคราว
ท่ามกลางสถานการณ์ในเวลานี้ ทั้งสองพรรคเริ่มกล่าวโทษกันไปมา อย่างไรก็ตาม รีพับลิกันอาจจำเป็นต้องขอเสียงสนับสนุนจากพรรคแดโมแครต เพื่อให้ร่างงบประมาณผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกันแสดงออกมาอย่างชัดเจนขึ้น
การโหวตคว่ำงบประมาณดังกล่าว นับเป็นบททดสอบครั้งใหญ่บทแรกว่า ทรัมป์มีอิทธิพลเหนือสมาชิกสภาคองเกรสมากน้อยเพียงใด เมื่อเห็นแล้วว่า สมาชิกจำนวนหนึ่งแตกแถว ไม่โหวตสนับสนุนงบของทรัมป์ นอกจากนี้ ยังเป็นความท้าทายของนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาผู้แทนฯ กำลังจะลงมติในอีก 15 วันข้างหน้า เพื่อเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภาคนใหม่สำหรับรัฐสภาชุดถัดไป
สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนระบุว่า พวกเขาจะไม่ลงคะแนนให้จอห์นสันเป็นผู้นำสภาอีกต่อไป ซึ่งทำให้จอห์นสันเสี่ยงมาก เนื่องจากเขาต้องการการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะชนะ เพราะพรรครีพับลิกันมีเสียงมากกว่าแดโมแครตเพียง 5 ที่นั่งในสภาชุดถัดไป
ทั้งนี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันเริ่มมีความเห็นไม่ลงรอยกันตั้งแต่ก่อนการเสนอชื่อทรัมป์ กลับมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้ง เพราะบางส่วนไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่าทรัมป์ไม่เหมาะสม จากการที่มีคดีความต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ทรัมป์ก็สามารถกลับมาเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ และคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา