รัฐบาลจีนออกประกาศเตือนพลเมืองของตนเกี่ยวกับการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างสองประเทศ รวมถึงสงครามการค้าที่เกิดจากกำแพงภาษี
รัฐบาลจีนย้ำถึงความตึงเครียดทางการทูตที่เพิ่มขึ้น และความเป็นกังวลด้านความมั่นคงภายในประเทศสหรัฐฯ โดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางไปสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการก็แนะนำให้นักเรียนนักศึกษาหลีกเลี่ยงการไปต่างประเทศในช่วงนี้
แถลงการณ์ระบุว่า เนื่องจากความสัมพันธ์ทั้งทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เลวร้ายลง ทางกระทรวงจึงขอเตือนให้นักท่องเที่ยวจีน ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบที่สุดสำหรับการเดินทางไปยังสหรัฐฯ และให้เดินทางไปด้วยความระมัดระวัง
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นในวันพุธ (9 เมษายน 68) หลังจากที่จีนประกาศจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 50% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันพุธ
ต่อมาในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มอัตราภาษีเพิ่มเติม รวมเป็นอัตราภาษีสูงสุดถึง 125% พร้อมทั้งประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีตอบโต้กับประเทศอื่นๆ แต่จะเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10% แทน ยกเว้นบางรายการสินค้าที่อาจจะเก็บภาษีแพงกว่านี้ โดยทางการจีนมองว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เป็นการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวโดยไร้เหตุผล
ข้อมูลจาก Statistica ระบุว่า ในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าสหรัฐอเมริการาว 1.6 ล้านคน ขณะที่ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนไปสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 2.83 ล้านคน
ในด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการของจีนได้เตือนนักเรียนและนักศึกษาจีนในต่างประเทศให้ประเมินความเสี่ยงของการศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาในอนาคตอันใกล้นี้
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ ได้ประกาศข้อจำกัดเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาของจีนและสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Advance Ohio Higher Education Act โดยห้ามมหาวิทยาลัยของรัฐรับของขวัญ เงินบริจาค หรือการสนับสนุนใด ๆ จากหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับจีน ยกเว้นค่าเล่าเรียนและเงินบริจาคจากศิษย์เก่า