กูรูกฎหมายมาบอกแล้ว กฎหมายฟ้องชู้ฉบับใหม่ควรปรับตัวยังไงดี ชี้ไม่ต้องคบกันแบบเปิดเผยก็สามารถฟ้องชู้ได้
นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูมีคำตัดสินวินิจฉัยชี้ขาดหลายเรื่องที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือการยกเลิกเพิกถอนกฎหมายที่อยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องของการฟ้องชู้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกเลิกประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องการฟ้องชู้ ที่บอกว่าให้ฟ้องได้เฉพาะคู่ที่เป็นเพศตรงข้าม เช่น ผัวไปมีเมียน้อย ให้ฟ้องเมียน้อยได้ เมียไปมีผัวใหม่ให้ผัวสามารถฟ้องชู้ได้
แต่ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ยกเลิกเพราะกฎหมายฉบับนี้ ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มันเป็นประเด็นตรงนี้นี่เอง จากของเดิมที่เขายกเลิกก็คือให้ฟ้องเฉพาะเพศตรงข้ามของคู่สมรสเรา ศาลบอกว่าการให้ฟ้องเฉพาะเพศตรงข้าม เป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญในแง่ของความเสมอภาคความเท่าเทียมกัน ต้องไม่ลืมว่าเมืองไทยมีกฎหมายความหลากหลายทางเพศ สมรสเท่าเทียม
ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนนึงไปยื่นเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยบอกว่าสามีเธอไปมีผัวน้อย สามีไปชอบเพศเดียวกัน เธอบอกว่าทำไมเธอไม่มีสิทธิ์ฟ้องผัวน้อย ซึ่งกฎหมายให้ฟ้องเฉพาะ หญิงอื่นที่สามียกยอเสมือนภรรยา แต่ผัวเธอไม่ได้ชอบผู้หญิง ผัวเธอชอบผู้ชาย เมียก็เลยเอาเรื่องนี้ไปร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินว่าทำไมเธอไม่มีสิทธิ์ฟ้องชู้ที่เป็นเพศเดียวกันกับสามีได้
แต่ต่อไปเราสามารถฟ้องชู้คนเพศเดียวกันกับสามีภรรยาได้ นอกจากนั้นศาลยังบอกอีกว่าไม่จำเป็นต้องถึงขั้นยกยอหญิงหรือบุคคลอื่นเสมือนสามีหรือภรรยา ศาลบอกว่าการที่ต้องยกยอมันเหมือนกับว่าเป็นการตัดสิทธิ
เช่นถ้าไปกินข้าวนอกบ้านมีการโอบเอว ถ้าเราเอาหลักฐานตรงนี้ไปฟ้องชู้ศาลรับฟัง แต่ถ้าเขากอดกันในห้องไม่มีใครเห็น ไม่ได้เปิดเผยให้คนรู้ว่าสองคนนี้เป็นชู้กัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่เข้าข้อกฎหมายที่จะฟ้องได้ แต่ต่อไปศาลบอกว่า ไม่ต้องคบกันแบบเปิดเผยก็สามารถฟ้องร้องได้
นี่คือสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ก็ต้องดูกันต่อว่าสภาจะผ่านกฎหมายเมื่อไหร่ แต่แน่นอนว่ามีปัญหาตามมาแน่ คุณจะตัดสินยังไงว่าผู้ชายสองคนไปนั่งดูบอลด้วยกันเป็นชู้กันหรือเปล่า คุณจะตัดสินยังไงว่าคนที่คุณจะฟ้องว่าเขาเป็นชู้ เขามีรสนิยมทางเพศชอบเพศเดียวกันเพราะเขาอาจปกปิดไว้เป็นความลับ แค่สองเรื่องนี้ก็ปวดหัวแล้ว ซึ่งบ้านเราเป็นชาติแรกในอาเซียนที่มีกฎหมายนี้.
