รุดช่วยน้อง 7 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยง-แม่แท้ๆ ทำร้ายทุกวัน ต้องวิ่งตามหนีขึ้นรถขยะ

30 มิ.ย. 67

 

มูลนิธิเป็นหนึ่ง - พม. ร่วมสายตรวจสน.ทุ่งครุ รุดช่วยน้อง 7 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยง-แม่แท้ๆ ทำร้ายร่างกายทุกวัน จนต้องวิ่งขอให้รถขยะช่วย 

วันที่ 30 มิ.ย. 67 น.ส. ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน บ้านพักเด็กและกรุงเทพฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ทุ่งครุ ลงพื้นที่ ซ.6 ซ.ประชาอุทิศ 79 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ช่วยเหลือเด็กชายอายุ 7 ปี 

ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย จนเพื่อนบ้านทนไม่ไหว เข้าร้องมูลนิธิเป็นหนึ่ง ให้เข้าช่วยเหลือ เพราะถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทุกวันจนต้องวิ่งตามรถขนขยะ เพื่อขอหนีออกไปด้วย เพราะทนการกระทำดังกล่าวไม่ไหว 

โดยน.ส.ชลิดา เปิดเผยว่า จากการสอบถามแม่ของเด็กชายผู้เสียหายแล้ว มีแต่พูดโยนความผิดให้เด็กเพียงอย่างเดียว อ้างว่าเด็กเอาไม้มาให้แม่ตีด้วยตัวเอง นอกจากนี้จากการสอบถามแม่เด็กยอมรับว่า ได้ใช้เข็มขัดฟาดเด็กจริง รวมถึงพ่อเลี้ยงเด็กก็ร่วมทำร้ายด้วย แม่เด็กยืนยันว่าลูก 7 ขวบเป็นเด็กไม่ดี ตั้งแต่อยู่โรงเรียนเก่าน้องมีพฤติกรรมขโมยของ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันเกิดน้อง แต่พ่อเลี้ยงกลับใช้น้องซื้อน้ำแข็งดื่มสุรา จากการสอบถามถามเด็กมีความกลัว เขาไม่อยากให้พ่อมา ตาม ส่วนร่างกายเด็กนั้นข้างหลังและตามลำตัวมีแต่ร่องรอยการถูกทำร้าย 

“ฝั่งภรรยาไม่สามารถห้ามสามีใหม่ได้ ยิ่งห้ามยิ่งโดนหนัก พูดไปเรื่อยยิ่งโดนหนัก  ทางแม่ไม่พอใจอายสื่อ แต่ตนเองบอกไปว่าตอนทำลูกไม่อาย สามีใหม่ไม่เคยทำร้ายตอนเมา แสดงว่าทำร้ายตอนมีสติ อยู่ที่สามัญสำนึกความเป็นแม่ เพราะแม่เขาร่วมลงมือตีด้วย ส่วนพ่อติดยาเสพติดหรือไม่นั้น แม่เด็กยืนยันว่าแค่เพียงดื่มสุราเท่านั้น ในความเห็นส่วนตัวเราต้องการให้เด็กอยู่ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ เพื่อรักษาสภาพจิตใจ ไม่อยากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนั้นแค่ทำข้อตกลงจนเด็กเกิดถูกทำร้ายจนตาย เด็กถามว่าสามารถไปอยู่ที่อื่นได้ด้วยหรือไม่ น้องเป็นคนที่กลัว แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึก เพราะแม่ใช้สายตากับพูดจาข่มขู่ 

ด้าน พ.ต.อ.จุมพล สินศิริพงษ์ ผกก.สน.ทุ่งครุ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ เมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ ที่ผ่านมาไม่มีคนกลางประสานช่วยเหลือเด็ก อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจร่างกายเด็กเพื่อประกอบการดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนจะดำเนินคดีทั้งพ่อและแม่ที่ทำร้ายเด็กหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบปากคำพ่อและแม่ของเด็กอย่างละเอียดก่อนที่จะมีการดำเนินคดีต่อไป 

ด้านพ่อเด็ก กล่าวว่า ยืนยันว่าตีจริง ยืนยันว่าจะเลิกพฤติกรรมแบบนี้ และไม่ทำแล้ว ส่วนเรื่องตีเพราะรักษาของไม่ได้ วันก่อนเพิ่งพาไปกินข้าวด้วยกันในวันเกิดก็เพิ่งซื้อเค้กให้เป่า เวลาเล่นที่โรงเรียนก็จะเล่นกับเพื่อนแรงๆ ส่วนใหญ่ที่ลงมือนั้นจะตีขาตีหลังและก้นเท่านั้น น้องยอมรับผิดหยุดลงมือ อย่างไรก็ตามยืนยันว่ารัก เราก็ดิ้นรนหาโรงเรียนให้หลังจบอนุบาล เรารักเขาเพราะดูแลน้องตั้งแต่อายุ 4 ปี ดูแลกันมา 3 ปี  อย่างไรก็ตาม เราทำผิดก็ต้องยอมรับที่ลงมือกับลูก บางครั้งเขาหยิบเข็มขัดและไม้ให้เราฟาด เพราะเขาทำผิด ที่หัวปูดบวม จากการเขาตกบันไดด้วย 

ส่วนการเอาหัวโขกกับพื้นหรือไม่ พ่อเด็กยืนยันว่า เป็นจังหวะเหวี่ยงก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้น เกิดอาการบาดเจ็บก็เอาน้ำร้อนประคบ บางครั้งน้องไม่รับผิดชอบกล่องข้าวเกิดอาหารบูดไม่บอก สายคล้องคอหาย ก็บอกว่าคนอื่นเอาไป เขามีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่โรงเรียนเก่า แต่ถือว่าน้องเป็นเด็กเรียนดี และกรอกน้ำช่วยเหลืองานบ้าน จังหวะแม่ท้องน้องอยู่ เกิดอาการหงุดหงิดจึงไล่น้องออกจากบ้านแค่นั้น แต่อาจจะมีพฤการณ์ที่อยู่บ้านกับโรงเรียนไม่เหมือนกัน รู้สึกเสียใจที่กระทำลักษณะดังกล่าวไป สัญญาว่าจะไม่ทำกับน้องแบบนี้อีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส