ภาคธุรกิจกำลังเผชิญ 'ความไม่แน่นอน’ ทั้งจากปัญหาภายในประเทศและปัจจัยภายนอก 3 ธุรกิจสำคัญของไทยคือ ธนาคาร – พลังงาน – ท่องเที่ยว กำลังเร่งปรับตัวอย่างหนัก เช่นธุรกิจธนาคาร ก็ต้องเจอกับ Virtual bank ศึกที่คู่แข่งไม่เป็นแค่ธนาคารด้วยกันอีกต่อไป แต่จะเป็น Tech Company หรือบริษัทจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ส่วนในภาคธุรกิจพลังงาน ที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด ประเทศไทยจะตกขบวนนี้หรือไม่ หากคนยังไม่มีศักยภาพ และไร้ซึ่งเม็ดเงินลงทุน และภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นเหมือนพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เเล้วธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร ?
บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมาถอดบทเรียนของ 3 ธุรกิจ ธนาคาร – พลังงาน – ท่องเที่ยว ปรับตัวอย่างไร ในวันที่เราเจอศึกรอบด้าน โดยได้มีการสรุปสาระสำคัญจากงาน FUTUREADY 2025 ในหัวข้อเสวนา New Market Horizon: Redefining Rule of Competition โดยคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย, ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ คุณศุภจี สุธรรมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
คุณกอบกาญจน์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า ปัจจุบันโลกของเราเผชิญกับความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น
แม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่เลยซะทีเดียว แต่เป็นปัญหาเดิมที่เปลี่ยนรูปร่างและหน้าตาไปตามกาลเวลา ซึ่งในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น แรงขึ้นแล้วส่งผลกระทบในวงกว้างต่อผู้คนและธุรกิจ
ซึ่งคุณกอบกาญจน์ มองว่า โดยรวมแล้วเศรษฐกิจโลกและไทยในปี 2025 ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายสูง จากปัญหาหนี้ครัวเรือน และความไม่แน่นอนในส่วนนโยบาลจากภาครัฐ ทำให้ K-Research ได้มีการคาดการณ์ว่า
คุณพิสุทธิ์ ได้เล่าว่า แม้ว่าปัจจุบันเราอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด สิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยรอดท่ามกลางการแข่งขันนี้ คือ ‘การหาจุดสมดุล’ ที่สามารถขายประเทศไทยให้เป็น "การแข่งขันรูปแบบใหม่" (New Competition) บนเวทีโลก การมุ่งสู่พลังงานสะอาดเป็นสิ่งสําคัญ แต่ถ้าไม่สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ได้ ก็ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องสร้างจุดแข็งที่ทําให้เป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่นักลงทุนต้องการเข้ามาลงทุน และสามารถใช้ทรัพยากรที่เรามีให้เกิดมูลค่สูงสุด หากเราเดินหน้าพลังงานสะอาดแต่ไม่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนระดับโลกมาสนับสนุน เราก็อาจเสียโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ซึ่งคุณพิสุทธิ์ มี 3 ประเด็นที่ฝากทิ้งท้ายไว้หากประเทศไทยจะเป็นผ่านสู่พลังงานสะอาด คือ :
และ 3 คำ ที่สำคัญที่สุดสำหรับพลังงาน คือ 'สถาน' 'ไม่ดับ' 'ราคารับได้'
คุณศุภจีส ได้แสดงความคิดเห็นว่า ในปีนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมกําลังเผชิญกับแรงกระทบจากปัจจัยระดับโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งถูกพูดถึงใน World Economic Forum (WEF) Davos 2024 โดยเน้นไปที่
1.วิกฤตสภาพอากาศและภัยพิบัติรุนแรง
2. AI กับปัญหาข้อมูลผิดพลาดและอิทธิพลของข้อมูลเท็จ
3. ความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง
4. ค่าครองชีพที่สูงขึ้น
5. ความเสี่ยงทางไซเบอร์
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ได้มองหาการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการประสบการณ์ที่มี “Purpose” เช่น Wellness, Healthcare, Adventure Tourism
แม้ว่า ‘ประเทศไทย’ของเราจะโด่งดังในเรื่องของการท่องเที่ยวมากแค่ไหน แต่ปัจจุบันไม่สามารถขายแค่เพียง ทะเล-หาดทรายสวย แต่เราต้องใส่เป้าหมาย เพื่อให้คนเลือกที่จะเดินทางด้วย เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจคนอาจจะมองว่าท่องเที่ยวคือสิ่งฟุ่มเฟื่อย รอให้เศรษฐกิจดีกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาเที่ยวก็ได้
การท่องเที่ยวแนว sustainable จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจะมองหาการเดินทางที่ช่วยฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ (Regenerative Tourism) ไม่ใช่แค่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการเลือกสถานที่พักจากการที่ผู้ประกอบการสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
หลายๆคนอาจมองว่า การท่องเที่ยวแบบ Luxury อาจไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าแต่ก่อน แต่แท้จริงแล้วผู้คนยังคงชอบความหรูหรา แต่เป็นหรูหราคอนเซปต์ใหม่
คุณศุภจีส ได้ยกตัวอย่างว่า เราต้องสร้างจุดหมายปลายทางต้องเป็นมากกว่าที่พัก แต่เป็นประสบการณ์ที่คนอยากสัมผัสสักครั้งในชีวิต (ก่อนตาย) เหมือนกับ bucket list ที่นักท่องเที่ยวต้องมาให้ได้ และหากเราสร้างเหตุผลนั้นได้ ไม่ว่าอย่างไรคนก็อยากมา “อย่างเช่นเวลาที่ ดุสิตธานีเปิดโรงแรมใหม่ เราไม่ได้โปรโมทแต่ห้องพักหน้าตาอย่างไร เพราะคนไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น แต่เราโปรโมท สถานที่ท่องเที่ยว destination ว่าระแวกนั้นมีอะไรน่าสนใจ ชุมชนแบบไหน”
โดยกลุ่มนี้ เราสามารถจับกลุ่มนักท่องเที่ยว แบบ Multi Generation ได้ด้วย นั้น พ่อแม่ลูกปู่ย่า เดินทางด้วยกัน เพราะนักท่องเที่ยวแบบ Multi Generation จะมีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวแบบ solo
หลังจากโควิด ทุกคนก็ได้มีแนวคิดการทำงานแบบ work from anywhere ที่ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนๆก็สามารถท่องเที่ยวได้ เทรนด์ที่จะเกิดขึ้น คือ การเดินทางที่ไม่ได้แยกระหว่างธุรกิจกับการพักผ่อนอีกต่อไป แต่มารวมกันเป็น Business + Leisure หรือ B-Leisure การเดินทางระยะสั้นแต่บ่อยขึ้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
โดย CNBC เคยได้ทำโพลเมืองที่ B-Leisure ชอบมากที่สุด พบว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ ติดอันดับเมืองเบอร์ต้นๆที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวไปและทำงานไปด้วยกันได้
นอจากนี้ คุณศุภจีส ยังได้เล่าว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชอบเดินทางระยะสั่น แต่เน้นเดินทางบ่อย เห็นได้จาก นักท่องเที่ยว Top 5 ของประเทศไทย ก็มีแต่คนเอเชียน รวมถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เช่น การ booking ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ค่าเฉลี่ยแต่ก่อนคนใช้ระยะเวลา booking ประมาณ 17-20 วันก่อนการเดินทาง แต่ปัจจุบันทำทุกอย่างประมาณ 2 วันก่อนการเดินทาง หรือทำอะไรแบบ last minute
เทคโนโลยีกําลังเข้ามามีบทบาทสําคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้บริโภคต้องการบริการที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคล เทคโนโลยีอย่าง AI และ Big Data กําลังเข้ามาช่วยให้ธุรกิจสามารถนําเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น
หากเจาะลึกมาที่ฝั่งของธนาคาร คุณกอบกาญจน์ ก็มองว่า โดน disruption เยอะไม่ต่างกันอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ในอนาคตธนาคารต้องมีการแข่งขันกับ virtual bank ที่ไม่ได้เป็นแค่บริษัทการเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็น Tech Company หรือบริษัทจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ แนวคิดสำคัญในการอยู่ในรอดจากการ disruption คือการมองหาโอกาสและจุดแข็งของเราให้เจอ ว่าเรามีอะไรดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
คุณพิสุทธิ์ ได้เล่าว่า ในเวทีโลก การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันทุกประเทศ แม้ว่าหลายประเทศจะเร่งเดินหน้า Green Technology แต่หากบางประเทศยังไม่เข้าร่วม ความท้าทายเชิงธุรกิจและการแข่งขันจะยังคงมีอยู่ตัวอย่างเช่น สหรัฐฯ ที่ถอนตัวจาก Paris Agreement แต่ในทางธุรกิจบริษัทที่จดทะเบียนในรัฐอย่าง California และ New York ยังคงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ด้านความยั่งยืนของรัฐ ซึ่งสะท้อนว่าแม้ภาครัฐจะเปลี่ยนนโยบาย แต่ตลาดและกฎระเบียบระดับท้องถิ่นยังคงขับเคลื่อนมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
ทางด้าน คุณศุภจีส มองว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จําเป็นต้องดําเนินกลยุทธ์สําคัญ ได้แก่การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อ เพื่อให้เมืองรองสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การปรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจาก Leisure สู่ Purpose-Driven Travel เช่น Wellness และ Regenerative Tourism รวมถึง การพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการฝึกอบรม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลง