ข่าวใหญ่ที่สร้างความฮือฮาเมื่อ 7-Eleven ประกาศรับชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ทำให้เกิดกระแสพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีข่าวการแจกเงิน 10,000 บาท ที่ทำให้หลายคนมองว่าเป็น "จังหวะที่พอดีเกินไป" ในขณะที่ผู้บริโภคต่างยินดีกับความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ร้านค้าขายของชำขนาดเล็กกลับต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อความอยู่รอด
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต่อร้านค้าเล็กๆ และนำเสนอแนวทางการปรับตัวเชิงรุก เพื่อให้พวกเขาสามารถยืนหยัดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลนี้
ข่าวใหญ่สะเทือนวงการร้านสะดวกซื้อ! เมื่อ FBเพจผู้บริโภค ประกาศก้อง เซเว่นอีเลฟเว่นเปิดระบบสแกนจ่ายผ่านแอปธนาคารแล้ว ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องง้อแอปฯ เซเว่น ชาวเน็ตตื่นเต้นดีใจ แห่คอมเมนต์แซวสนั่น บังเอิญสุดๆ ตรงกับช่วงข่าวเงินหมื่นพอดี
โพสต์ “ฝันที่ไม่กล้าฝัน เซเว่นรับสแกนแล้วจ้า!!!” ปลุกกระแสฮือฮา พร้อมแคปชั่น “น้ำตาจะไหล #ผู้บริโภค ว่าไง” ทำเอาชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างคึกคัก ทั้ง “มาพร้อมเงินหมื่นเลยน้าาาาา”, “จังหวะมันพอดีเกิน", "อุ้ย...บังเอิญจัง”,“มาได้ตอนเงินหมื่นพอดี บังเอิญไหมละ”,“มาพร้อมกับแจกเงิน 10,000 เลย”,“เงินหมื่นได้แล้ว และ 7-11 สแกนจ่ายได้แล้ว ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก”
ข่าวดีนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคอย่างมาก เพราะสะดวกสบายในการจับจ่ายมากขึ้น ไม่ต้องพกเงินสดให้ยุ่งยาก แถมยังมีชาวเน็ตตาดี สังเกตเห็นความบังเอิญที่ระบบใหม่เปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกับข่าวการแจกเงิน 10,000 บาทพอดี ทำให้เกิดกระแสแซวขำๆ ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง
การที่ 7-Eleven ก้าวเข้าสู่การรับชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการค้าปลีก ซึ่งส่งผลกระทบต่อร้านค้าขายของชำขนาดเล็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแข่งขันจะทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจาก 7-Eleven มีข้อได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนที่ต่ำกว่า และงบประมาณทางการตลาดที่สูงกว่าร้านค้าเล็กๆ ทำให้สามารถจัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า เมื่อรวมกับความสะดวกสบายในการชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ยิ่งเป็นการเพิ่มแรงดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้าน 7-Eleven มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ การรับชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคารยังเป็นการเปิดประตูสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่คุ้นเคยกับการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อาจไม่เคยเข้าร้านของชำมาก่อน ทำให้ 7-Eleven สามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ผลกระทบที่ตามมาคือร้านของชำอาจประสบปัญหาลูกค้าลดลง เนื่องจากความสะดวกสบายที่เหนือกว่าของ 7-Eleven โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีโปรโมชั่น หรือช่วงที่มีข่าวเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การแจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคมักจะต้องการใช้จ่ายอย่างสะดวกและรวดเร็ว
นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคก็จะเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคยุคใหม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย เมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคารที่ 7-Eleven พวกเขาจะคาดหวังบริการเดียวกันนี้จากร้านค้าอื่นๆ รวมถึงร้านของชำด้วย หากร้านของชำไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังนี้ได้ อาจส่งผลให้ลูกค้าไม่พอใจและหันไปใช้บริการร้านอื่นแทน นอกจากนี้ ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อของใช้ประจำวันทีละมากๆ ที่ร้านของชำ มาเป็นการซื้อของบ่อยครั้งขึ้น แต่จำนวนน้อยลงที่ร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากความสะดวกในการชำระเงินและการเข้าถึงที่ง่ายกว่า
สุดท้าย ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ร้านค้าเล็กๆ ต้องเผชิญ การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบการชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกำลัง นอกจากนี้ ยังมีความซับซ้อนในการใช้งานและการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งร้านค้าเล็กๆ อาจไม่มีความรู้หรือบุคลากรที่เพียงพอในการจัดการ นอกจากนี้ เจ้าของร้านและลูกค้าบางราย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี หรือไม่มีสมาร์ทโฟน ทำให้เกิดอุปสรรคในการใช้บริการชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ซึ่งอาจทำให้ร้านค้าสูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้ไป
สรุปผลกระทบต่อร้านค้าขายของชำขนาดเล็กจากการที่ 7-Eleven รับชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร
กลยุทธ์ | แนวทางปฏิบัติ |
ยกระดับสู่สังคมไร้เงินสด |
- รับชำระเงินผ่าน QR Code - ส่งเสริมการใช้ Mobile Banking และ PromptPay
|
สร้างจุดแข็งและคุณค่าที่แตกต่าง |
- เน้นขายสินค้าเฉพาะทางที่ร้านสะดวกซื้อไม่มี - มอบบริการที่เหนือกว่า เช่น บริการส่งถึงบ้าน, ให้คำแนะนำสินค้า - จัดร้านให้สะอาด เป็นระเบียบ น่าเข้า
|
การตลาดและการสื่อสารที่เข้าถึงลูกค้า |
- ใช้สื่อออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ (Facebook, Instagram, Line, TikTok) - สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย - กระตุ้นการตลาดแบบปากต่อปาก
|
พัฒนาอย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ |
- เรียนรู้และทำความเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ - ติดตามเทรนด์และความต้องการของลูกค้า
|
สร้างความร่วมมือและพันธมิตร |
- รวมกลุ่มกับร้านค้าในชุมชน - ร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์
|
แม้จะมีความท้าทาย แต่ร้านค้าขายของชำขนาดเล็กก็สามารถปรับตัวเพื่ออยู่รอดและเติบโตได้ เริ่มจากการยกระดับสู่สังคมไร้เงินสด โดยการรับชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งเป็นทางเลือกที่ต้นทุนต่ำและง่ายต่อการใช้งาน หรือส่งเสริมให้ลูกค้าโอนเงินผ่าน Mobile Banking หรือ PromptPay ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกและไม่ต้องใช้เงินสด
นอกจากนี้ การสร้างจุดแข็งและคุณค่าที่แตกต่างก็เป็นสิ่งสำคัญ ร้านค้าควรเน้นขายสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อไม่มี เช่น สินค้าพื้นบ้าน สินค้าออร์แกนิก หรือสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างความประทับใจด้วยการบริการที่เป็นกันเอง ให้คำแนะนำสินค้าอย่างผู้เชี่ยวชาญ มีบริการส่งถึงบ้านสำหรับลูกค้าประจำ หรือผู้สูงอายุ และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำด้วยการจัดร้านให้สะอาด เป็นระเบียบ มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย และสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
การตลาดและการสื่อสารที่เข้าถึงลูกค้าก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ร้านค้าควรสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โพสต์รูปสินค้า โปรโมชั่น และกิจกรรมต่างๆ ของร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แจกของรางวัล จัดโปรแกรมสะสมแต้ม หรือมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าประจำ เพื่อสร้างความผูกพันและรักษาลูกค้าเดิม การตลาดแบบปากต่อปากก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
สุดท้าย การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ เจ้าของร้านและพนักงานควรเปิดใจเรียนรู้และทำความเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก เพื่อนำมาปรับใช้และพัฒนาร้านค้าให้ทันสมัย นอกจากนี้ การศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงใจ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การสร้างความร่วมมือและพันธมิตรกับร้านค้าอื่นๆ ในชุมชน หรือการร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการขยายช่องทางการขายและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
การที่ 7-Eleven เปิดรับชำระเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร เป็นสัญญาณเตือนให้ร้านค้าขายของชำขนาดเล็กต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน แม้จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสให้ร้านค้าเหล่านี้พัฒนาและสร้างความแตกต่าง เพื่อที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล การปรับตัวอาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากทำได้สำเร็จ จะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว และสามารถแข่งขันได้แม้ในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
อ้างอิง Fbเพจผู้บริโภค