เวอร์ชวลแบงก์ หรือธนาคารไร้สาขา เคยถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นอนาคตของวงการธนาคาร ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย แต่ 4 ปีผ่านไป เวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกงกลับยังไร้เงาของกำไร เกิดอะไรขึ้น? อะไรคืออุปสรรค? แล้วอนาคตของธนาคารไร้สาขาจะเป็นอย่างไร?
แม้จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของการดำเนินธุรกิจ แต่ภาพรวมของ "เวอร์ชวลแบงก์" ในฮ่องกงยังคงห่างไกลจากเส้นทางแห่งผลกำไร ขัดกับการคาดการณ์เบื้องต้นที่ว่าธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาเหล่านี้จะเริ่มบรรลุผลสำเร็จทางการเงินภายในปีที่ 3-5 จากรายงานจาก Nikkei Asia เผยให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่ากังวล เมื่อธนาคารไร้สาขาทั้ง 8 แห่งในฮ่องกง ซึ่งล้วนได้รับการสนับสนุนจากองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ Ant Group, Tencent, Xiaomi และ Ping An Insurance ต่างยังคงประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ธนาคารเหล่านี้รายงานผลขาดทุนก่อนหักภาษีรวมกันกว่า 1,280 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,515 ล้านบาท แม้ตัวเลขดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีผลขาดทุนรวมอยู่ที่ 1,430 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 6,162 ล้านบาท แต่ก็ยังคงสะท้อนถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งผลประกอบการของเวอร์ชวลแบงก์ คือ ปริมาณธุรกรรมที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ข้อมูลจากธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ระบุว่า แม้เวอร์ชวลแบงก์จะมีฐานผู้ใช้บริการฝากเงินมากกว่า 2.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 8.8% ของตลาดธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย แต่ส่วนแบ่งการตลาดในด้านสินเชื่อ สินทรัพย์ และเงินฝาก กลับมีเพียง 0.3% เท่านั้น
จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงเป็นที่ประจักษ์ว่า การดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา มิใช่เพียงการนำเสนอบริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล แต่ยังต้องอาศัยกลยุทธ์ นวัตกรรม และความสามารถในการสร้างความแตกต่าง เพื่อดึงดูดลูกค้า กระตุ้นการใช้งาน และขยายฐานธุรกรรม อันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต
การเข้าสู่ธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์มิใช่เส้นทางที่ราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นฮ่องกง ซึ่งสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ผู้เล่นรายใหม่จึงต้องเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดลูกค้า และสร้างผลกำไรในระยะเวลาอันสั้น
แม้สภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสามารถในการทำกำไรของธนาคารพาณิชย์ แต่สำหรับเวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกงแล้ว ปัจจัยดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ธุรกิจบรรลุผลสำเร็จทางการเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในฮ่องกง ยิ่งเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากในการทำกำไรของเวอร์ชวลแบงก์ เว้นเสียแต่ว่า อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะกระตุ้นให้เกิดปริมาณธุรกรรมสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากมุมมองเชิงวิเคราะห์ ความสามารถในการทำกำไรของเวอร์ชวลแบงก์ มิได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น อัตราดอกเบี้ย เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง การพัฒนานวัตกรรม การบริหารจัดการต้นทุน และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และผลักดันธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
แม้ "เวอร์ชวลแบงก์" จะดำเนินธุรกรรมทางการเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่รากฐานสำคัญของการสร้างผลกำไรยังคงอยู่ที่ "ธุรกิจเงินฝากและสินเชื่อ" อันเป็นแก่นแท้ของสถาบันการเงิน แม้ว่ารายได้จากการบริหารความมั่งคั่งจะปรากฏแนวโน้มเชิงบวก แต่ในภาพรวมยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจหลัก
ความคาดหวังของผู้ประกอบการเวอร์ชวลแบงก์ในปัจจุบัน คือ สภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมการลงทุน และนำไปสู่โอกาสในการสร้างรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางฮ่องกง มีข้อเสนอแนะว่า การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อาจเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร แต่ผลลัพธ์ของแนวทางดังกล่าว ยังคงต้องผ่านการประเมินอย่างรอบด้าน
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางฮ่องกง ยังมิได้แสดงท่าทีสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ โดยให้เหตุผลว่า ผู้ให้บริการ 8 ราย ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถในการทำกำไรได้ ข้อสังเกตดังกล่าว สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ ที่คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมเวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกง มีแนวโน้มที่จะมุ่งสู่การควบรวมกิจการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ประกอบการลดลงในที่สุด
บทสรุปแห่งสถานการณ์เวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกง สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและท้าทายในการดำเนินธุรกิจสถาบันการเงินยุคใหม่ ท่ามกลางพลวัตของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และวิวัฒนาการของพฤติกรรมผู้บริโภค และแม้แนวคิดของธนาคารไร้สาขาจะเปี่ยมด้วยศักยภาพ
ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า และความสามารถในการเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว แต่การบรรลุผลกำไรอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยเกื้อหนุนที่หลากหลาย ประกอบด้วย การสร้างความแตกต่าง การพัฒนานวัตกรรม การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้า และการปรับตัวเชิงรุก เพื่อให้สอดรับกับสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง
สำหรับเวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกง การแข่งขันที่ทวีความรุนแรง และปริมาณธุรกรรมที่ยังไม่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นับเป็นอุปสรรคสำคัญที่พึงได้รับการแก้ไข การควบรวมกิจการ อาจเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดทอนความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของเวอร์ชวลแบงก์ มิได้ถูกกำหนดโดยปัจจัยภายในประเทศแต่เพียงประการเดียว การขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่พึงพิจารณา ในอนาคต บทบาทของธนาคารกลาง ในการกำกับดูแล ส่งเสริม และสนับสนุน นวัตกรรมทางการเงิน จะมีความสำคัญยิ่ง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาธุรกิจ เสถียรภาพของระบบ และประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
กล่าวโดยสรุป กรณีศึกษาเวอร์ชวลแบงก์ในฮ่องกง นับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการ นักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล และผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การพัฒนา และปรับปรุง ธุรกิจธนาคาร ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม และเศรษฐกิจ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน
อ้างอิง Nikkei Asia