ข่าวการขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% จนถึงกันยายน 2568 สร้างความฮือฮาในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่ยิ้มแก้มปริกับค่าใช้จ่ายที่ถูกลง หรือภาคธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในการกระตุ้นยอดขาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่เป็นเพียงมาตรการประคับประคองระยะสั้นที่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง แล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร? มาตรการนี้จะพาเศรษฐกิจไทยไปในทิศทางใด?
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปเจาะลึกถึงผลกระทบทั้งในแง่บวกและลบของการลดภาษี VAT และมองว่า นี่คือ "ยาดี" ที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือเป็นเพียง "ยาหอม" ที่บรรเทาอาการป่วยชั่วคราวเท่านั้น
รัฐบาลประกาศข่าวดีสำหรับประชาชนและภาคธุรกิจ ด้วยการขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% ต่อไปอีก 1 ปีเต็ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ไปจนถึง 30 กันยายน 2568 ครอบคลุมทั้งการซื้อขายสินค้า บริการ และสินค้านำเข้าทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน บริการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก็จะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดภาษีนี้
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร อธิบายว่า การขยายเวลาลดภาษี VAT เป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และเพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ ส่งผลให้มีกำลังซื้อมากขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้สอย และลงทุน ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
มาตรการนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่สามารถซื้อสินค้าและบริการได้ในราคาที่ถูกลง หรือผู้ประกอบการที่สามารถลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นในการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการลดภาษี VAT สามารถสอบถามได้ที่สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ หรือโทร. 1161
การที่รัฐบาลตัดสินใจขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% ต่อไปอีกหนึ่งปี จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 นั้น สามารถมองได้สองมุม คือ เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่จำเป็น หรือเป็นสัญญาณของปัญหาเชิงโครงสร้างที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้
การต่อเวลาลด VAT 7% ถึง ก.ย. 68 เป็นดาบสองคม ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย รัฐบาลจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว