ข่าวเศรษฐกิจ

เงินเฟ้อไทยพ.ค. 2567 สูงสุดรอบ 13 เดือน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกรอบ 6 เดือน

7 มิ.ย. 67
เงินเฟ้อไทยพ.ค. 2567 สูงสุดรอบ 13 เดือน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกรอบ 6 เดือน

เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2567 เผยให้เห็นสัญญาณบวกจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีแรงกดดันจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้น รายงานฉบับนี้จะเจาะลึกสถานการณ์เงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม โดยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคในหมวดสินค้าต่างๆ รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของราคา นอกจากนี้ ยังจะวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน

เงินเฟ้อของไทยเดือนพ.ค.2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่สูงสุดในรอบ 13 เดือน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

สำหรับรายงานดัชนีเศรษฐกิจการค้าเดือนพฤษภาคม 2567 ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณบวกในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้จะยังมีประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยสรุปเป็นประเด็นน่าสนใจได้ดังนี้

  • เงินเฟ้อยังไม่น่ากังวล: แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยแตะที่ 1.54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ปัจจัยหลักที่ผลักดันเงินเฟ้อคือราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก นอกจากนี้ ฤดูร้อนที่ยาวนานยังส่งผลให้ราคาอาหารสด โดยเฉพาะผักสดและไข่ไก่ ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานยังคงทรงตัว สะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในวงจำกัด
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งสัญญาณบวก: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นเป็น 52.4 จาก 51.9 ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นี่เป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และแนวโน้มการส่งออกที่สดใส อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังคงเป็นภาระ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายและการลงทุน
  • หมวดสินค้าที่น่าจับตา: ในเดือนพฤษภาคม 2567 หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีการปรับราคาสูงขึ้น 1.13% โดยเฉพาะกลุ่มผักสดที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 13.94% เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและผลผลิตที่ลดลง ในขณะที่หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้น 1.84% โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าขนส่ง และค่าสาธารณูปโภค
  • ภาพรวมและแนวโน้ม: แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นก็เป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาพลังงานและอาหารสดอย่างใกล้ชิด รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ภาพรวมเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2567 เผยให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานและอาหารสด ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ราคาพลังงาน ค่าครองชีพ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง

รายละเอียดรายงานดัชนีเศรษฐกิจการค้าเดือนพฤษภาคม 2567 แบบเต็มๆ

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ 108.84 ปรับตัวสูงขึ้น 1.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY)

ปัจจัยขับเคลื่อนอัตราเงินเฟ้อ

  • ราคาพลังงาน: การปรับตัวสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า (ซึ่งเป็นผลจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน), น้ำมันเบนซิน, และแก๊สโซฮอล์ ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก
  • ราคาอาหารสด: การปรับตัวสูงขึ้นของราคาผักสดหลายชนิด (ได้แก่ ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, มะเขือ, กะหล่ำปลี, ขิง, ผักชี), ผลไม้สดบางชนิด (ได้แก่ มะม่วง, องุ่น, กล้วยหอม), ข้าวสาร, ไข่ไก่, และไข่เป็ด ซึ่งเป็นผลจากสภาพอากาศร้อนที่ส่งผลต่อปริมาณผลผลิต
  • สถานการณ์เงินเฟ้อไทยในภาพรวม: เมษายน 2567: อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปรับตัวสูงขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยอยู่ในอันดับที่ 6 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข

อัตราเงินเฟ้อจำแนกตามหมวดสินค้า

  • หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์: ปรับตัวสูงขึ้น 1.13% จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด และเครื่องดื่มสำเร็จรูปหลายรายการ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางรายการที่ราคาปรับตัวลดลง เช่น เนื้อสุกร, มะนาว, ปลาทู, น้ำมันพืช, และกระเทียม
  • หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม: ปรับตัวสูงขึ้น 1.84% จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าเช่าบ้าน, ค่ากระแสไฟฟ้า, เครื่องสำอาง, ยาสูบ, และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางรายการที่ราคาปรับตัวลดลง เช่น น้ำมันดีเซล, ผงซักฟอก, สบู่, และเสื้อผ้า

นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไปเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) ในเดือนพฤษภาคม 2567 ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 0.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเมษายน 2567 ที่ระดับ 0.37% และ เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2567 เทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่าดัชนีปรับตัวสูงขึ้น 0.63% โดยมีปัจจัยหลักมาจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้น 1.37% ตามราคาผักสดบางชนิด (เช่น มะเขือ, ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, ต้นหอม, กะหล่ำปลี, พริกสด), ไข่ไก่, เนื้อสุกร, และผลไม้สดบางชนิด (เช่น แตงโม, มะม่วง, กล้วยน้ำว้า) ในขณะที่ราคาสินค้าบางรายการ เช่น มะนาว, ข้าวสารเจ้า, ส้มเขียวหวาน, และนมเปรี้ยว ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวสูงขึ้น 0.09% ตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางรายการที่ราคาปรับตัวลดลง เช่น ค่าโดยสารเครื่องบิน, ผลิตภัณฑ์ซักผ้าบางชนิด, และสารกำจัดแมลง สำหรับภาพรวมในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-พฤษภาคม) ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ยปรับตัวลดลง 0.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2567 จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก:

  1. ผลกระทบจากฐานราคาค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำในปีก่อนเริ่มลดลง
  2. การต่ออายุมาตรการลดภาระค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน
  3. แนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะผักสด ที่มีแนวโน้มลดลงหลังจากสภาพอากาศร้อนคลี่คลายและเข้าสู่ฤดูฝน
  4. การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจำกัดความสามารถของผู้ประกอบการในการปรับขึ้นราคา รวมถึงการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการรายใหญ่

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลให้ราคาสินค้าบางชนิดยังคงอยู่ในระดับสูง เช่น ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น และความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและค่าระวางเรือ และส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้า ทางกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 อยู่ในกรอบ 0.0% ถึง 1.0% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และจะทำการทบทวนอีกครั้งหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

เงินเฟ้อทรงตัวในระดับต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในเดือนพฤษภาคม 2567 พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.4 จาก 51.9 ในเดือนเมษายน 2567 นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่ในเกณฑ์เชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565

ในรายละเอียด พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 44.1 จาก 44.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 57.9 จาก 56.8

ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ ประกอบด้วย

  • การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลบวกต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดการจ้างงานและเพิ่มรายได้
  • การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • แนวโน้มการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ภาคการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนพฤษภาคม 2567

ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนพฤษภาคม 2567 เท่ากับ 108.84 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.19 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 1.54 (YoY) โดยมีปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของราคาสินค้า ในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิต ออกสู่ตลาดน้อยลง สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.13 ได้แก่

  • กลุ่มผักสด สูงขึ้นร้อยละ 13.94 (ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ มะเขือ กะหล่ำปลี ขิง ผักชี ผักกาดขาว เห็ด มะระจีน)
  • กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ 3.49 (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ขนมอบ อาหารธัญพืช)
  • กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ 3.48 (ไข่ไก่ นมสด นมผง นมถั่วเหลือง ไข่เป็ด)
  • กลุ่มอาหารบริโภคในบ้าน สูงขึ้นร้อยละ 0.72 (กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว อาหารว่าง ข้าวแกง/ข้าวกล่อง)
  • กลุ่มผลไม้สด สูงขึ้นร้อยละ 2.03 (มะม่วง องุ่น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า แตงโม สับปะรด)
  • กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 2.00 (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน กาแฟ (ร้อน/เย็น))
  • กลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้าน สูงขึ้นร้อยละ 0.47 (อาหารเย็น (อาหารตามสั่ง) อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง))
  • กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ 0.56 (น้ำตาลทราย น้ำพริกแกง มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด))

สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่

  • กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ ลดลงร้อยละ 3.62 (เนื้อสุกร ปลาทู กระดูกซี่โครงหมู เนื้อสุกรบด)

หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.84 ได้แก่

  • หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ 2.40 (แก๊สโซฮอล์ 91 95 และ E20 น้ำมันเบนซิน 95)
  • หมวดเคหสถาน สูงขึ้นร้อยละ 2.06 (ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน น้ำยารีดผ้า สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง)
  • หมวดการตรวจรักษา และบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ 0.47 (แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน ค่าแต่งผมสตรีและบุรุษ ยาแก้ปวดลดไข้ กระดาษชำระ แป้งผัดหน้า ผ้าอนามัย)หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ สูงขึ้นร้อยละ 0.56 (เครื่องถวายพระ)
  • หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.39 (สุรา บุหรี่ ไวน์)

สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่

  • หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลงร้อยละ 0.36 (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี)

เงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.39 (YoY)

ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2567 เทียบกับเดือนเมษายน 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.63 (MoM) และเฉลี่ย 5 เดือน (มกราคม – พฤษภาคม) ของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ลดลงร้อยละ 0.13 (AoA)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนพฤษภาคม 2567

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนพฤษภาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากระดับ 51.9 ในเดือนก่อนหน้า และปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากลดลงต่อเนื่อง 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566) และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 (ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565) สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.1 จากระดับ 44.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.9 จากระดับ 56.8 สาเหตุการปรับเพิ่มขึ้นโดยรวม คาดว่ามาจาก (1) ภาคการท่องเที่ยว ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เกิดการจ้างงานและเพิ่มรายได้ (2) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2567 จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้น และ (3) ภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาคการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังกังวลเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า ราคาพลังงานและค่าครองชีพ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า

  • 1) ด้านเศรษฐกิจไทย คิดเป็นร้อยละ 47.44
  • 2) ด้านมาตรการของภาครัฐ คิดเป็นร้อยละ 13.39
  • 3) ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 8.66
  • 4) ด้านราคาสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 8.09
  • 5) ด้านสังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 8.00
  • 6) ด้านเศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 6.75
  • 7) ด้านการเมือง คิดเป็นร้อยละ 4.27
  • 8) ด้านอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 1.82
  • 9) ด้านภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 1.58

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จำแนกรายภาค พบว่า

  • 1) ภาคกลาง ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 52.2 มาอยู่ที่ระดับ 52.5
  • 2) ภาคเหนือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 49.1 มาอยู่ที่ระดับ 50.5
  • 3) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 53.5 มาอยู่ที่ระดับ 54.7
  • 4) กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับตัวลดลง จากระดับ 55.0 มาอยู่ที่ระดับ 54.3
  • 5) ภาคใต้ ปรับตัวลดลง จากระดับ 49.6 มาอยู่ที่ระดับ 49.1

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จำแนกอาชีพ พบว่า

  • 1) พนักงานเอกชน ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 50.7 มาอยู่ที่ระดับ 51.1
  • 2) ผู้ประกอบการ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 53.4 มาอยู่ที่ระดับ 54.2
  • 3) รับจ้างอิสระ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 48.3 มาอยู่ที่ระดับ 49.0
  • 4) พนักงานของรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 55.9 มาอยู่ที่ระดับ 57.6
  • 5) นักศึกษา ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 52.5 มาอยู่ที่ระดับ 53.0
  • 6) ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 48.6 มาอยู่ที่ระดับ 49.9
  • 7) เกษตรกร ปรับตัวลดลง จากระดับ 52.8 มาอยู่ที่ระดับ 52.4

เมื่อพิจารณากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีฯ ปรับลดลง จากระดับ 49.6 มาอยู่ที่ระดับ 48.5

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2567 เงินเฟ้อทรงตัวต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT