NVIDIA รายงานว่า ชิปรุ่นล่าสุดยังมีประสิทธิภาพที่ดี และบริษัทมีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สูง ทำให้รายได้ในไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้อัตราการเติบโตจะช้ากว่าไตรมาสก่อนหน้า
โดยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2568 (สิงหาคม - ตุลาคม 2567) เห็นถึงการเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีงบประมาณที่ผ่านมา ดังนี้:
ส่วนรายได้ตามกลุ่มธุรกิจเห็นถึงการเติบโตเช่นกัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีงบประมาณที่ผ่านมา ดังนี้:
นักวิเคราะห์ได้ติดตามผลกระทบของชิปรุ่นล่าสุด ‘Blackwell’ ต่อการเติบโตของรายได้ในระยะสั้นอย่างใกล้ชิด โดยประเมินด้วยว่า ชิปดังกล่าวจะเผชิญกับความท้าทายทางเทคนิคหรือไม่ เมื่อขยายขนาดการใช้งาน ตามรายงานล่าสุดจาก The Information ที่เน้นย้ำถึงปัญหาความร้อนของชิป Blackwell ที่สูงเกินไป หลังเผชิญมีปัญหาด้านการผลิตไปเมื่อต้นปีนี้
Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA กล่าวว่า ความต้องการชิป Blackwell เกินกว่าการคาดการณ์ที่บริษัทเคยระบุไว้ที่หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทจะส่งมอบชิปได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ และทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นการผลิต
ชิป Blackwell มีความต้องการสูง ขับเคลื่อนโดยบริษัทต่างๆ เช่น ‘OpenAI’ ที่ต้องการชิป GPU ที่เร็วที่สุดอย่างเร่งด่วน เพื่อพัฒนาโมเดล AI รุ่นถัดไป เมื่อชิป Blackwell มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากขึ้น ชิป AI ปัจจุบันของ NVIDIA อย่าง ‘Hopper’ จะเปลี่ยนมารองรับโมเดล AI ที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะสร้างชิปใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ชิป Blackwell มีความต้องการที่สูงมาก แต่ต้นทุนการผลิตและวิศวกรรมที่สูง คาดว่า จะกดดันอัตรากำไรของ NVIDIA นอกจากนี้ การคาดการณ์ยอดขายของบริษัทในไตรมาสปัจจุบัน ยังไม่เป็นไปตามที่ Wall Street คาดไว้ ส่งผลให้หุ้น NVIDIA ลดลง 2% ในช่วงการซื้อขายช่วงปลาย
Colette Kress ซีเอฟโอ NVIDIA กล่าวว่า ลูกค้าของ Blackwell รวมถึงผู้ให้บริการไฮเปอร์สเกลเลอร์รายใหญ่ๆ อย่าง Microsoft, Google, และ Meta กำลังแข่งขันกันเพื่อเป็นคนแรกที่จะนำชิปดังกล่าวออกสู่ตลาด
บิ๊กเทคฯ หลายรายได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อฝึกอบรมและใช้งานโมเดล AI โดยคาดว่า การใช้จ่ายดังกล่าวจะยังคงเติบโตต่อไปจนถึงปี 2568 ส่งผลให้รายได้จากดาต้าเซ็นเตอร์ของ NVIDIA พุ่งสูงขึ้น 112%
ส่วนประเด็นเรื่องข้อจำกัดด้านซัพพลายเชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘TSMC’ พันธมิตรด้านการผลิตหลัก ได้ก่อให้เกิดคำถามในหมู่บรรดานักวิเคราะห์ว่า การผลิตชิป GPU เผชิญกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ภายใต้นโยบายการค้าในอนาคตของว่าที่ประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หลังเสนอภาษีศุลกากรแบบเหมารวมสำหรับสินค้าที่นำเข้าทั้งหมด และกล่าวว่าไต้หวัน "ขโมยธุรกิจชิปของเราไป"
ในเวลาเดียวกัน NVIDIA อาจได้รับประโยชน์จากคำสัญญาของทรัมป์ ที่จะเปิดใช้งานการพัฒนา AI ในสหรัฐอเมริกา และช่วยตอบสนองความต้องการพลังงานมหาศาลของดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่า จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารในยุคของไบเดน ที่กำลัง “ขัดขวางนวัตกรรม AI” ตามที่ทรัมป์กล่าว
โดยในการประชุมกับนักลงทุนเมื่อวันพุธเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อ NVIDIA จากภาษีศุลกากรที่ทรัมป์กำหนด Huang กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะตัดสินใจอย่างไร NVIDIA ก็จะสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลชุดนี้
ตั้งแต่ต้นปี 2567 หุ้นของ NVIDIA พุ่งสูงขึ้นกว่า 200% ขับเคลื่อนโดยการเติบโตของ AI ที่กระตุ้นการเติบโตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่า 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 124.95 ล้านล้านบาท กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในตอนนี้ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดหุ้น คิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของกำไรของ S&P 500
นักลงทุนมองว่า รายได้ของ NVIDIA เป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของภาคส่วนเทคโนโลยี โดยบริษัทใหญ่ๆ ต่างให้คำมั่นสัญญาอย่างมากต่อโครงการด้าน AI ส่วนนักวิเคราะห์ของ Citi ตั้งข้อสังเกตว่า ผลประกอบการของ NVIDIA เกินความคาดหมาย โดยคาดการณ์ว่า ความต้องการชิป Blackwell จะเกินดีมานด์ไปจนถึงปีงบประมาณ 2569
ที่มา NVIDIA, Financial Times, Bloomberg, CNBC, Washington Post, Companies Market Cap