หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ภายหลังการจดทะเบียนสมรส เงินเดือนครึ่งหนึ่งจะถือเป็นสิทธิของสามีหรือภรรยาตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นปัญหานักในวันที่ความรักยังหวานชื่น แต่เรื่องเงินทองไม่เคยเข้าใครออกใครและการเป็นสามีภรรยากันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เพราะเมื่อถึงคราวหย่าร้าง การจัดการทรัพย์สินได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ความขัดแย้งระหว่าง (อดีต) สามีภรรยาลุกลามมากยิ่งขึ้น และอาจต้องขอความช่วยเหลือจากศาลในการจัดการทรัพย์สินให้ลงตัว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกฎหมายสินสมรส ซึ่งว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างทรัพย์สินและผลของการจดทะเบียนสมรส
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สามารถแบ่งประเภททรัพย์สินของสามีและภรรยาได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ สินส่วนตัวและสินสมรส
‘สินส่วนตัว’ หมายถึง ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีอยู่ก่อนจะสมรส สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย เช่น บ้าน ที่ดิน ยานพาหนะ เงิน ทอง ของหมั้น เป็นต้น สินส่วนตัวยังรวมถึงทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว หรือเครื่องประดับตามฐานะ เช่น สร้อยคอ นาฬิกา เสื้อผ้า นอกจากนี้ เครื่องมือที่จำเป็นในการประกอบอาชีพก็ยังนับว่าเป็นสินส่วนตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีทรัพย์สินบางประเภทที่แม้ว่าจะได้มาในระหว่างสมรส แต่ถูกนับเป็นสินส่วนตัว เช่น มรดกที่ไม่ได้ระบุในพินัยกรรมว่าให้เป็นสินสมรส ทรัพย์สินที่เป็นการให้โดยเสน่หา รวมถึงทรัพย์สินหรือเงินที่ได้มาจาการเอาสินส่วนตัวไปแลกหรือขาย ในส่วนนี้จะยังคงถือเป็นสินส่วนตัวด้วยเช่นกัน โดยตามกฎหมายจะเรียกว่า “ของแทนสินส่วนตัว”
‘สินสมรส’ หมายถึง ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มารหลังจากที่มีการจดทะเบียนสมรสแล้ว หรือที่เรียกว่า ระหว่างสมรสกันตามกฎหมาย โดยการจัดการทรัพย์สินประเภทนี้จะต้องจัดการร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย เช่น ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินโบนัส เงินบำนาญ ค่าชดเชย มรดกที่ระบุในพินัยกรรมว่าให้เป็นสินสมรส เป็นต้น
"สินสมรส" ยังรวมถึงสิทธิและนิติกรรมสัญญาใด ๆ ที่ทำในระหว่างสมรส เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาจะซื้อจะขาย สัญญาเช่า ซึ่งการกระทำการใด ๆ จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากสามีภรรยาทั้งสองฝ่ายเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัวจะถูกนับเป็นสินสมรส ประกอบด้วย ‘ดอกผลธรรมดา’ เช่น ผลไม้จากสวน ข้าวจากนาข้าว แม่วัว มีน้ำนม ลูกวัว และ ‘ดอกผลนิตินัย’ เช่น ดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล กำไร เป็นต้น
พีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director, Wealth Planning and Non-Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เผยว่า หากเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทรัพย์สินและผลของการจดทะเบียนสมรสแล้ว สามีภรรยาจะสามารถวางแผนในการรักษาทรัพย์สินควบคู่ไปกับการมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นได้ และหากการสมรสสิ้นสุดลงในด้านทรัพย์สินก็น่าจะไม่เกิดปัญหา
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ KBank Private Banking ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คู่สามีภรรยาต้องพึงระวังในการจัดการทรัพย์สินระหว่างกัน ได้แก่
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวเมื่อถึงคราวหย่าร้าง ผู้บริหารของ KBank Private Banking แนะนำให้คู่สมรสวางแผน ดังนี้
โลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเป็นสามีภรรยากันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การวางแผนจัดการทรัพย์สินและการทำสัญญาก่อนสมรส แม้จะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนสำหรับสามีภรรยา เพราะทำให้หลายคู่รู้สึกว่ามีความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามจืดจางน้ำตาลยังว่าขม แต่สิ่งหนึ่งที่พึงระลึกคือการสิ้นสุดลงของการสมรส ไม่ได้มีแต่การหย่าร้างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสียชีวิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วย ดังนั้นการวางแผนจัดการทรัพย์สินจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่นั่นเอง
ที่มา : ประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์, KBank Private Banking