จากความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ตลาดแรงงานในประเทศไทยก็ได้ตอบรับต่อกระแสนี้ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของตำแหน่งงานด้านความยั่งยืน (Sustainability) ไม่ว่าจะเป็นในองค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ หรือแม้แต่ธุรกิจ SME ต่างก็เริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เวทีสัมมนา "จากคนตัวเล็ก สู่อาชีพในตลาดความยั่งยืนในตลาดทุนไทย" จึงเป็นเสมือนประตูสู่โลกของโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจงานด้านนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายองค์กรชั้นนำได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทักษะที่จำเป็น แนวโน้มของตลาด และเส้นทางสู่ความสำเร็จในสายอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากนี้
บทความนี้จะสรุปสาระสำคัญจากเวทีสัมมนา เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจและกำลังมองหาโอกาสในการทำงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรือมีประสบการณ์อยู่แล้ว ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้และพัฒนาตนเองเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในสายอาชีพนี้ได้ โดยมี 3 วิทยากรหลัก อาทิ คุณ นิราวัฒน์ นารอด นักวิเคราะห์กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล ,คุณ สสินี ปานสายลม หัวหน้า หน่วยงานความยั่งยืน ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บมจ. ไทยวา และ คุณ ชนฉัตร ตันตระกูล ผู้ชำนาญการด้านการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน หน่วยงานการด้านการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส โดยมี คุณ ศุภกร เอกชัยไพบูลย์ รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นพิธีกรหลัก
คุณ สสินี ปานสายลม หัวหน้าหน่วยความยั่งยืนของบมจ.ไทยวา ได้แบ่งปันถึงทักษะสำคัญสองประการที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านความยั่งยืน
คุณสสินียกตัวอย่างจากประสบการณ์ของเธอที่บมจ.ไทยวา ซึ่งเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทีมความยั่งยืนต้องทำงานร่วมกับทีมฟาร์มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน และหาแนวทางในการสื่อสารและส่งต่อแนวคิดนี้ไปยังเกษตรกร ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ
นอกจากนี้ การทำงานด้านความยั่งยืนยังต้องอาศัยความสามารถในการสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กร เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน และร่วมมือกันขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เรียกง่ายๆว่า ทักษะสำคัญในการทำอาชีพด้านความยั่งยืนประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ ความรู้เชิงลึกในประเด็นด้านความยั่งยืน และทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน การผสมผสานทักษะทั้งสองด้านนี้เข้าด้วยกัน จะช่วยให้บุคคลสามารถทำงานในสายอาชีพนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง
จากมุมมองของ คุณ นิราวัฒน์ นารอด นักวิเคราะห์กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล ระบุว่า ผมเห็นว่าทักษะที่สำคัญสำหรับการขับเคลื่อนงานด้าน Sustainability ให้ประสบความสำเร็จและตอบโจทย์องค์กร มีดังนี้
นอกจากนี้
สุดท้าย ต้องย้ำว่าความรู้และทักษะด้าน Sustainability ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในสายงานใดสายงานหนึ่ง แต่ทุกคนในองค์กรสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนได้ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจในประเด็น ESG และนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและต่อการเติบโตในสายอาชีพของแต่ละบุคคล
ทักษะที่สำคัญสำหรับงาน Sustainability คือการผสมผสานระหว่างความรู้ความเข้าใจเชิงลึก ทักษะการวิเคราะห์และการคิดเชิงกลยุทธ์ ทักษะการสื่อสารและประสานงาน ความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญที่สุดคือความหลงใหลและความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยื
คุณ ชนฉัตร ตันตระกูล บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ระบุว่า การดำเนินงานในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนใดก็ตาม บุคลากรในสายงานนี้จำเป็นต้องมี ความสามารถในการปรับตัวและความคล่องตัวสูง เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเด็นความยั่งยืน นอกจากนี้ การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาองค์ความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ผู้ปฏิบัติงานด้านความยั่งยืนต้องมี ทักษะในการติดตามและเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลและความรู้มาปรับใช้ในการวางแผนและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การมองภาพในระยะยาวและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
งานด้านความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการ ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ และ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ควบคู่กันไป หากขาดความสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม องค์กรก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
การทำงานด้านความยั่งยืนคือ การเรียนรู้และลงมือปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน ซึ่งอาจแตกต่างจากงานด้านวิศวกรรมที่มีกรอบการทำงานที่ชัดเจน งานด้านความยั่งยืนมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงต้องอาศัย การเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจมีการค้าขายทั้งในและต่างประเทศ กฎหมายและมาตรฐานด้านความยั่งยืนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ปฏิบัติงานด้านความยั่งยืนต้อง ติดตามและทำความเข้าใจกฎหมายและมาตรฐานต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามได้อย่างครบถ้วน ลดความเสี่ยงและต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
กล่าวโดยสรุป ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย ความสามารถในการปรับตัว การเรียนรู้ตลอดชีวิต การมองภาพในระยะยาว และการติดตามกฎหมายและมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
คุณ สสินี ระบุว่า ไม่จริงเลยค่ะ ในความเป็นจริงแล้ว ค่าตอบแทนของอาชีพนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ทักษะ และความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งบริษัทต่างๆ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการพิจารณาค่าตอบแทน สำหรับโอกาสเติบโตในสายงานนั้น ก็มีแนวโน้มสดใสมากค่ะ เพราะมาตรฐานและข้อกำหนดด้านความยั่งยืนมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ทั้งจากแรงกดดันจากต่างประเทศและความต้องการของลูกค้า ทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับตัวและมองหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านนี้
แม้แต่บริษัทที่ยังไม่เคยทำงานด้านความยั่งยืนมาก่อน ก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญและมองหาผู้ที่มีทักษะเหล่านี้เข้ามาร่วมงาน ซึ่งแน่นอนว่าจะนำไปสู่โอกาสในการเติบโตในสายงานนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการของตลาดงานในด้านนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งงานที่ต้องขับเคลื่อนเรื่อง Net Zero และ Decarbonization ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน ดังนั้น อาชีพด้านความยั่งยืนจึงไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องของค่าตอบแทนและโอกาสเติบโตอย่างที่หลายคนเข้าใจ ตรงกันข้าม มันกลับเป็นสายงานที่มีอนาคตไกลและมีโอกาสก้าวหน้าอีกมากนี้
คุณ ชนฉัตร ได้ให้ความเห็นว่า เจ้าหน้าที่ความยั่งยืน (Sustainability Officer) มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ภารกิจหลักประจำวันครอบคลุมหลากหลายมิติ ดังนี้
โดยภาพรวมแล้ว งานของเจ้าหน้าที่ความยั่งยืนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้ความเชี่ยวชาญในประเด็นด้านความยั่งยืน ทักษะในการวางแผนและบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากมุมมองของ คุณ นิราวัฒน์ ระบุว่า ใน 3-5 ปีข้างหน้า ตำแหน่งงานด้านความยั่งยืน (Sustainability) ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน และจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ความยั่งยืนเป็นเพียงส่วนเสริมของธุรกิจ ปัจจุบันได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความอยู่รอดขององค์กรในระยะยาว
ในอนาคต ความยั่งยืนจะไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่จะเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกแห่งต้องให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจัง บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการด้านความยั่งยืนได้ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการสูญเสียตลาดและโอกาสทางธุรกิจ
ตำแหน่งงานด้านความยั่งยืนมีความหลากหลายและครอบคลุมหลายมิติ ผู้ที่สนใจสามารถเลือกศึกษาและพัฒนาทักษะในสาขาที่ตนเองสนใจได้ นอกจากนี้ หลายสถาบันการศึกษาก็เริ่มมีการบรรจุหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเข้าไปในแผนการเรียนการสอน เพื่อเตรียมความพร้อมให้บัณฑิตมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงานด้านนี้
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่สายอาชีพด้านความยั่งยืน ขอให้มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากงานด้านนี้มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้ อยากฝากถึงทุกท่านว่า การทำงานด้านความยั่งยืนเป็นมากกว่าแค่อาชีพ มันคือโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกใบนี้ หากคุณมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น สายอาชีพนี้คือคำตอบสำหรับคุณ
เวทีสัมมนา "จากคนตัวเล็ก สู่อาชีพในตลาดความยั่งยืนในตลาดทุนไทย" ได้เปิดเผยให้เห็นถึงโอกาสที่สดใสและความท้าทายในการทำงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญในวงการได้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับทักษะที่จำเป็น แนวโน้มของตลาดแรงงาน และเส้นทางสู่ความสำเร็จในสายอาชีพนี้
ตลาดแรงงานด้านความยั่งยืนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการตระหนักถึงความสำคัญของ ESG ที่เพิ่มขึ้น กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และความต้องการของนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน องค์กรต่าง ๆ จึงมองหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนและบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับทุกมิติของธุรกิจ
ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านความยั่งยืนนั้นครอบคลุมทั้ง Hard skills และ Soft skills ในด้าน Hard skills ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน ESG ต่าง ๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ ทักษะเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น หากดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการของเสียและพลังงานสะอาด ในด้าน Soft skills การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความสามารถในการปรับตัวเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากงานด้านความยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย และต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การทำงานด้านความยั่งยืนนั้นไม่ง่าย ต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ บุคลากรในสายงานนี้ต้องมีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับมาตรฐานและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ การคิดวิเคราะห์และนำเสนอแนวทางในการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ในขณะเดียวกัน งานด้านความยั่งยืนก็เปิดโอกาสให้บุคลากรได้สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับทั้งองค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม และยังมีโอกาสก้าวหน้าในสายอาชีพอีกด้วย
ในอนาคต ความยั่งยืนจะไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่จะเป็นสิ่งที่กำหนดความอยู่รอดของธุรกิจ ตำแหน่งงานด้านความยั่งยืนจะมีความสำคัญมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะจบการศึกษาในสาขาใด หากมีความสนใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ ก็สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความยั่งยืนในประเทศไทยได้ สำหรับผู้ที่สนใจงานด้านความยั่งยืน ข้อแนะนำคือให้ฝึกฝนทักษะที่จำเป็น ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน ESG และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น และมองหาโอกาสในการเรียนรู้และสร้างเครือข่ายอยู่เสมอ
การทำงานด้านความยั่งยืนเป็นเส้นทางที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหน หากมีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะเรียนรู้ คุณก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยได้