1 ก.พ.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งพิเศษ 3 ฉบับ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 25% จากเม็กซิโก แคนาดา และ 10% จากจีน
2 ก.พ.
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตรา 25% เช่นกัน กระทบต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท ตั้งแต่เบียร์ ไวน์ เครื่องใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬา เริ่ม 4 ก.พ.
ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บัมของเม็กซิโก ประกาศว่า รัฐบาลของเธอจะพยายามหาทางเจรจราแทนการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ แต่จะมีการประกาศ “แผนบี” เพื่อตอบโต้สถานการณ์ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า จะเริ่มกำหนดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอีกไม่นาน
3 ก.พ.
ทรัมป์มีกำหนดหารือผู้นำแคนาดา-เม็กซิโก
4 ก.พ.
มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกันกับมาตรการขึ้นภาษีของแคนาดา
เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ กำหนดขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และเพิ่ม 10% สำหรับสินค้าจากจีน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์
ทรัมป์ยืนยันว่าจะคงอัตราภาษีดังกล่าวไว้จนกว่าปัญหาเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาเสพติด และการอพยพผิดกฎหมาย ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ" จะได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวไม่ได้ระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ยกเลิกมาตรการนี้
ในเวลาต่อมา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตรา 25% เช่นกัน กระทบต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท ตั้งแต่เบียร์ ไวน์ เครื่องใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงอุปกรณ์กีฬา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 4 ก.พ. นี้เช่นกัน
ทรูโดเตือนว่า การตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์จะทำให้พลเมืองอเมริกันต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น อีกทั้งอาจนำไปสู่การปิดโรงงานผลิตรถยนต์ และทำให้สินค้าสำคัญหลายอย่างขาดแคลน
ด้านประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บัมของเม็กซิโก ประกาศว่า รัฐบาลของเธอจะพยายามหาทางเจรจราแทนการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ แต่จะมีการประกาศ “แผนบี” เพื่อตอบโต้สถานการณ์ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์
ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการตอบโต้ แต่แถลงการณ์ของจีนระบุว่ายังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับสหรัฐฯ