สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ‘Shopee’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซภายใต้บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ ‘Sea’ ได้เพิ่มค่าธรรมเนียมการขายบนแพลตฟอร์ม ประมาณหนึ่งในสามในตลาดสำคัญหลายแห่งตั้งแต่ต้นปี ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของ Shopee ในการทำกำไรเพิ่ม และชดเชยต้นทุนการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ หลังอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียน แข่งขันกันดุเดือดขึ้น
โดยในเว็บไซต์ Shopee ประเทศไทย ระบุว่า อัตราค่าธรรมเนียม และการคิดคำนวณที่เปลี่ยนแปลง (มีผลตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา) ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 13% ในเดือนกรกฎาคม สำหรับสินค้าบางประเภท จากเพียง 10% ก่อนหน้านี้ ส่วนตามรายงานของ JPMorgan เผยว่า TikTok Shop เรียกเก็บค่าคอมมิชชันสูงสุดเพียง 8% และ Lazada 10%
การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมแสดงให้เห็นว่า Sea ยังคงรู้สึกปลอดภัยในความพยายามเป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับผู้ค้า จากฐานผู้ใช้งานที่กว้างในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทำให้ Shopee เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์อันดับหนึ่งในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยง เนื่องจาก TikTok Shop ของ ByteDance และ Temu ของ PDD Holdings มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ขายสามารถย้ายแพลตฟอร์มได้ทันที หากพวกเขาเห็นว่าบริการของ Sea แพงเกินไป
Simon Torring ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวิจัยอีคอมเมิร์ซ Cube Asia กล่าวว่า ที่ผ่านมา Shopee ได้ขึ้นค่าธรรมเนียมเร็วกว่าที่ผ่านมามาก โดยในปีนี้ ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมถึงสองครั้ง สำหรับตลาดหลักหลายแห่งในภูมิภาคอาเซียน อย่าง อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แม้คู่แข่งได้ขึ้นค่าคอมมิชชั่นเช่นกัน ทำให้ผู้ค้ามีโอกาสน้อยที่จะเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มของ Sea
โดย Torring เสริมว่า ในปีที่ผ่านมา Shopee และแพลตฟอร์มอื่นๆ เผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพวกเขาต้องเลือกระหว่างการมุ่งเน้นไปที่ ‘การเติบโตของยอดขายสินค้ารวม (GMV)’ (ซึ่งมักจะต้องใช้ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เพื่อดึงดูดผู้ขายและผู้ซื้อ) หรือ ‘การปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร’ (ซึ่งอาจทำให้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น หรือมาตรการลดต้นทุน ที่อาจชะลอการเติบโตของ GMV ได้)
รายงานผลประกอบการของไตรมาสนี้ สามารถแสดงให้เห็นว่า การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมล่าสุดของ Shopee อาจเป็นการทดสอบว่า แพลตฟอร์มสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำกำไรได้มากขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับนักลงทุน
ทั้งนี้ ตามการประมาณการโดยเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2567 (เม.ย. ถึง มิ.ย.) อาจลดลง 82% เป็น 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่ารายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% ก็ตาม ส่วนปริมาณสินค้ารวมของ Shopee หรือมูลค่าสินค้าที่ขายอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 24.7%
ที่มา Bloomberg