ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศวันนี้ ราคาทองคำแท่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดใหม่ ที่ 33,600 บาทต่อบาททองคำ ได้อานิงส์จากความกังวลของสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ บวกกับเงินบาทอ่อนค่าทำให้ราคาทองไทยแพงขึ้น
สมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองล่าสุด 17.00 น. มีการปรับ 5 รอบ รวมปรับขึ้น 300 บาทต่อบาททองคำ
ราคาทองคำแท่ง รับซื้อ 33,500.00 บาท/บาททองคำ ขายออก33,600.00 บาท/บาททองคำ
ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 32,897.20 บาท/บาททองคำ ขายออก 34,100.00 บาท/บาททองคำ
ราคา Gold Spot อยู่ที่ 1,951 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาททุก 10 สตางค์ มีผลต่อราคาทองคำราว 70 บาทต่อบาททองคำ
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองไทยปรับตัวขึ้น เนื่องจากในจังหวะที่ราคาทองในตลาดโลกปรับตัวขึ้น ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า ทำให้ทองไทยปรับตัวได้ค่อนข้างดี
ทั้งนี้ราคาทองคำทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่างพุ่งขึ้น จากประเด็นการสู้รบระหว่างอิสราเอล ปาเลสไตน์ ซึ่งยังมีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้นและเริ่มมีความกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะขยายวงกว้างออกไป จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่กลับมากระตุ้นการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยวานนี้ (18 ต.ค.) ทองบวกขึ้นกว่า 20 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
จับตาปัจจัยสงครามหากรุนแรงกระทบราคาทองพุ่ง
สำหรับแนวโน้มราคาทองในระยะถัดไป คุณวรุต มองว่า ยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ถ้าขยายวงกว้างมากขึ้น ก็จะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองจะปรับตัวขึ้นต่อได้ ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดขึ้นในระดับค่อนข้างสูงเพราะการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส หรือชาวปาเลสไตน์ อาจสร้างความโกรธแค้นกับกลุ่มฮามาสและชาวปาเลสไตน์ ซึ่งล่าสุดมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 รายแล้ว ดังนั้น จึงอาจเกิดการแก้แค้น ก่อวินาศกรรม หรือสงครามที่มีโอกาสยืดเยื้อได้
ในทาวกลับกัน หากสถานการณ์สงครามคลี่คลาย โดยข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และยุโรป ระบุว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์ระเบิดโรงพยาบาลที่กาซา อาจมีผู้เสียชีวิตที่แท้จริงไม่ถึง 500 ราย อาจมีผู้เสียชีวิตแค่หลักสิบเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจทำให้สถานการณ์เบาบางลงได้ หรือกรณีที่มีการตรวจสอบพบว่าการระเบิดดังกล่าวไม่ได้มาจากทางอิสราเอล แต่เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มฮามาส เพื่อต้อนรับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือเป็นการสร้างกระแสเรียกความน่าสงสาร ความเห็นใจ หรือเป็นกลุ่มติดอาวุธอื่นเข้ามาแทรกแซง ฯลฯ อาจทำให้ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล และชาวปาเลสไตน์ หรือกลุ่มฮามาส เบาบางลงได้เช่นกัน
ในส่วนของราคาทอง มีข้อแนะนำว่า ให้ดูราคาทองระดับสูงสุดของแต่ละเดือนที่ผ่านมา เพื่อประเมินสถานการณ์หรือแนวโน้มของราคา โดยอาจต้องใช้ทั้งปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยด้านเทคนิคประกอบกัน ในส่วนของแนวต้านมองไว้ที่ 1,966-1,987 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ (เป็นระดับสูงสุดของเดือนส.ค. และก.ค. ตามลำดับ และ 1,983 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เป็นระดับสูงสุดของเดือนมิ.ย.)
ดังนั้น ถ้าทองไม่ผ่านระดับดังกล่าว อาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง หรือลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีแรงขายทำกำไรในระยะสั้นสลับกลับลงมา
อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์ทรงตัว หรือเริ่มคลี่คลาย ราคาทองคำตอบรับในเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว อาจทำให้ราคาไต่ขึ้นไปไม่มาก มองแนวต้านกรณีนี้ไว้ที่ 1,932-1,911 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
“ถ้าราคาไม่หลุด 1,932-1,911 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ยังแนะนำว่าสามารถเข้าซื้อเพื่อเล่นสั้น หรือหวังทำกำไรจากการไต่ระดับของราคา ซึ่งน่าจะสามารถทำกำไรได้ 30-40 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์” นายวรุต กล่าว
VDO ที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์นายกสมาคมค้าทองคำ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2566