จากกรณีนายภัทรพล บ่อบัวทอง หรือ มาร์ค อายุ 18 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุขี่มอเตอร์ไซค์ชนเสาป้ายเตือนข้างทาง จนเสียชีวิตระหว่างกลับจากทำงานที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา
ต่อมาในวันที่ 6 พ.ย. 63 ซึ่งเป็นวันเผาศพได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เพราะมีญาติที่มาร่วมงานศพถูกวิญญาณนายภัทรพลเข้าสิง และอ้างว่าตัวเองถูกไล่ยิง ก่อนรถเสียหลักชนเสาป้ายเสียชีวิตนั้น
วันที่ 10 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ริมถนนทางหลวง 24 พบว่าร่องรอยที่ตกถนนได้เจือจางไปหมดแล้ว พบเพียงร่องรอยคล้ายรูกระสุนที่อยู่ตรงป้ายกลับรถที่ริมถนน
ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดที่บริเวณก่อนถึงแยกอำเภอปราสาท ในเวลา 18.29 น. ของวันที่ 2 พ.ย. 63 เป็นช่วงเวลาที่ผู้ตายเลิกงานและขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน โดยขี่กลับคนเดียว ท่าทีปกติและไม่มีใครติดตาม ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร
นางบัวเลิศ บ่อบัวทอง อายุ 48 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สามีของตนตายไปหลายปีแล้ว ส่วนตนไปทำงานที่จังหวัดสมุทรสาครได้ประมาณ 1 ปี ทำให้ลูกชายต้องอยู่บ้านคนเดียว ส่วนตนก็ส่งเงินให้เขา และโทรศัพท์คุยกับเขาเป็นประจำ แต่เขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง กระทั่งคืนวันที่ 31 ต.ค. 63 ก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิตเพียง 2 วัน ตนได้ฝันว่าตาของน้องมาร์คตาย ในฝันระหว่างจัดงานศพ แม่เห็นว่าญาติทุกคนมาร่วมงานยกเว้นน้องมาร์ค จึงบ่นตำหนิว่ามาร์คไปไหน ทำไมไม่มาร่วมงาน ศพตาที่อยู่ในโลงจึงเปิดโลงออกมาบอกว่า "ไม่ต้องหา มาร์คไม่อยู่แล้ว" ซึ่งหลังจากนั้นก็ตกใจตื่น และในความเป็นจริงตาของน้องมาร์คก็ยังไม่ตาย จึงไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
นางบัวเลิศ กล่าวต่อว่า น้องมาร์คเป็นเด็กดี อ่อนโยนเหมือนผู้หญิง และเป็นคนขยันทำงาน จึงไม่รู้ว่าเขาจะไปมีเรื่องกับใคร ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเชื่อว่าลูกไม่ได้ประสบอุบัติเหตุตาย ตนอยากวอนให้ตำรวจช่วยทำคดี ไม่อยากให้ลูกตายฟรี อยากถามคนที่ก่อเหตุว่าทำไมถึงต้องฆ่าน้องมาร์ค
น.ส.วรรณวิภา สายพรม อายุ 23 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ผีเข้าที่เกิดขึ้น ตนเชื่อมากว่าเป็นน้องมาร์ค แฟนของตนที่มาสื่อสารให้ญาติได้รับรู้ เพราะในงานศพนั้นน้องแอ๋มที่ถูกเข้าสิง ได้บอกว่า เขาฝากมาบอกว่าเขาคิดถึง ซึ่งตอนนั้นตนก็จับมือน้องแอ๋มไว้ น้องแอ๋มก็พูดว่า "ตัวเอง เขารักตัวเองนะ เขาขอโทษ เขาคิดถึงตัวเอง เขาอยู่ไม่ได้ถ้าเขาไม่มีตัวเอง" ซึ่งในตอนนั้นตนเชื่อว่าเป็นวิญญาณแฟนของตน เพราะเนื่องจากตนไม่รู้จักกับน้องแอ๋มมาก่อน รวมถึงในช่วงจัดงานน้องแอ๋มก็มองตนตลอดเวลา
ส่วนการเสียชีวิต ตนเชื่อว่าจะต้องมีคนร้ายไล่ยิงแฟนแน่นอน เพราะโดยปกติไม่ว่าแฟนจะเมาแค่ไหนก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ในช่วงที่วิญญาณสิงน้องแอ๋ม ก็พยายามบอกว่า "คู่อริตามมาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว แต่เขาไม่อยากบอกตัวเอง กลัวตัวเองเป็นห่วง" อย่างไรก็ตาม อยากให้ตำรวจช่วยตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะตนสงสารแฟน เชื่อว่าวิญญาณเขายังอาฆาต อยากให้เขาไปสู่สุคติ อีกทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาตนก็ฝันถึงแฟน เขามาจับตนมัดมือมัดเท้า หน้าตาดูเคร่งเครียด แต่เขาก็ไม่พูดอะไร จนสุดท้ายตนก็ตกใจตื่น
น.ส.กาญจนา บำรุงชื่อ อายุ 31 ปี น้าสาวของน้องแอ๋ม และน้าสะใภ้ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยอมรับว่าน้องแอ๋มเคยเจอกับน้องมาร์ค แต่ไม่ได้เจอกันบ่อย และทั้งคู่ก็ไม่เคยพูดคุยกัน เพราะอยู่ห่างกัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตนเชื่อว่ามีวิญญาณของน้องมาร์คมาเข้าสิง เนื่องจากมีคำพูดที่ออกมาจากปากน้องแอ๋มว่า "โอ๋น ไม่ได้ตายเอง ๆ" ซึ่งคำว่าโอ๋นเป็นภาษาเขมร แปลว่า "หนู" เป็นคำติดปากของน้องมาร์ค เพราะเขาจะแทนตัวเองว่า "โอ๋น" หรือ "ผม" เท่านั้น
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ารู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอ ตอนเกิดเหตุนั้นน้องแอ๋มมีการพูดถึงยายของน้องมาร์คที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งที่น้องแอ๋มก็ไม่รู้จักยาย อีกทั้งน้องแอ๋มก็ไม่เคยเจอแฟนของน้องมาร์คมาก่อน กลับรู้ว่าใครเป็นใคร อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเรื่องก็พาน้องแอ๋มไปทำพิธีรดน้ำมนต์ก็ดีขึ้น ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ในช่วงที่มีอาการน้องแอ๋มมีอาการปวดแขนซ้ายขาซ้ายตลอด ซึ่งก็เป็นจุดเดียวกับที่น้องมาร์คมีแผลที่แขนขาหัก
ทีมข่าวจำลองขับรถออกจากร้านซ่อมรถที่ผู้ตายทำงานใน อ.ปราสาม ไปจุดเกิดเหตุเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้ความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 11 นาที ลักษณะของถนนเป็นถนนทางหลวงหมายเลข 24 ตลอดเส้นทาง พื้นถนนเรียบและกว้าง ไม่มีความซับซ้อน ไม่มีโค้งหักศอก มีแต่โค้งทางลาดที่แม้แต่ใช้ความเร็วหรือไม่ชินทางก็ไม่ทำให้เกิดการเสียหลักได้
ตลอดเส้นทางมีไฟส่องสว่าง ระยะ 3 กิโลเมตร ก่อนถึงจุดเกิดเหตุก็มีไฟส่องสว่าง แต่ในระยะ 300 เมตร ก็ถึงจุดเกิดเหตุกลับไม่มีไฟส่องสว่าง เนื่องจากไฟจากเสาจำนวน 6 ต้น ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุดับสนิท
ด้านนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กล่าวว่า ตนเองติดตามข่าวนี้อยู่ สิ่งที่น้องโดนผีเข้าคงจะคิดถึงคนตาย ผูกพันกับคนตาย ปกติน้องวัย 14 ที่ถูกสิงร่างไม่พูดภาษาเขมร แต่เวลาที่ผีเข้าสิงร่างกลับมีอาการเปลี่ยนไป พูดภาษาเขมรออกมา ตนเองคิดว่าน้องอยู่ จ.สุรินทร์ ซึ่งมีคนพูดภาษาเขมรอยู่แล้ว น้องต้องเคยได้ยินคนพูดสำเนียงเขมรแบบนี้ ไม่แปลกที่น้องจะพูดได้ ที่อาการเปลี่ยนไปเกิดจากความเครียด และคิดถึงคนตาย
ซึ่งเคสนี้ หากอยากรู้ว่าเป็นวิญญานคนตายจริงหรือไม่ ทำไมไม่ลองถามเลขรหัสบัตรประจำตัวประชาชน 3 ตัวหลัง หรือเลขอะไรก็ได้ กรณีนี้จึงเป็นอุปาทานที่เด็กผูกพันและคิดถึงคนตาย ผีคนตายคงไม่เข้าสิงจริง ขณะเดียวกันที่อ้างว่าผีเข้ามาบอกว่าโดนไล่ยิง ตนเองคิดว่าบริเวณทางโค้งเป็นปกติอยู่แล้วที่มีรอยกระสุน อาจเกิดจากรอยที่วัยรุ่นลองปืนยิงป้ายผ่านทาง แถวบ้านตนเองมีเยอะแยะ ถ้าผี หรือวิญญาณคนตายมาสิงร่างจริง ต้องบอกได้ว่าคนยิงคือใคร ชื่อนามสกุลอะไร ดังนั้นตนเองสรุปได้ว่าเคสนี้เกิดจากอุปาทาน
Advertisement